ปลูก’ผักหวานป่า’แซมพืชไร่ไม้ผล รวยปีละหลายแสน! ที่ชัยภูมิ

สนับสนุนเนื้อหา
“ผักหวานป่า” เป็นผักพื้นบ้านที่พบเห็นได้ง่ายในเขตพื้นที่ราบสูง ที่เป็นป่าเต็งรัง ป่าไผ่ รวมอยู่ในกลุ่มพวกป่าเบญจพรรณ ผักหวานป่ามีลักษณะใบใหญ่ กลมยาว หนา 
n

 หากสนใจอยากปลูกผักหวาน แต่ไม่รู้วิธีปลูก ต้นผักหวานมักจะไม่ค่อยโต การปลูกผักหวานให้ได้ผลผลิตที่ดีต้องปลูกเลียนแบบธรรมชาติ โดยปลูกผสมผสานกับพืชไร่ไม้ผลอื่นๆ เพื่ออาศัยร่มเงาไม้พี่เลี้ยงช่วยพรางแสงแดดในแปลงเพาะปลูก

จุดยากลำบากในการปลูกผักหวานป่าคือ ต้นกล้าที่เกิดจากการเพาะเมล็ด เมื่อนำไปปลูกในดินต้องระวังไม่ให้รากขาดและรากต้องตั้งตรงลงดิน มิฉะนั้นต้นผักหวานจะไม่เจริญเติบโต

ผักหวานป่าเป็นสินค้าขายดี เป็นที่ต้องการของตลาดตลอดทั้งปี ผลผลิตในช่วงนอกฤดูซื้อขายในราคาสูงถึงกิโลกรัม (กก.) ละ 200 บาท ผลผลิตในช่วงฤดูราคาขายอยู่ที่ กก.ละ 70 บาท ดอกผักหวานป่ามีราคาสูงถึง กก.ละ 300 บาท ผักหวานป่าจึงเหมาะสำหรับปลูกในเชิงการค้า เพราะมีรสชาติอร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการสูง มีทั้งวิตามิน โปรตีน กากใยอาหาร ช่วยย่อยอาหารได้ดีมาก แถมเป็นพืชสมุนไพรที่มีสรรพคุณทางยา ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง โรคหัวใจ ลดอาการอักเสบทางผิวหนัง ลดน้ำตาลในเลือด ละลายไขมัน ฯลฯ

ศูนย์เรียนรู้ การปลูก ผักหวานป่า จ.ชัยภูมิ
ปัจจุบันมีแหล่งปลูกและขยายพันธุ์ผักหวานป่าและผักหวานบ้านในหลายพื้นที่ เช่น บ้านหมอ จ.สระบุรี ขอนแก่น ชัยภูมิ ฯลฯ ในฉบับนี้ขอพาท่านผู้อ่านไปเยี่ยมชม “ศูนย์เรียนรู้ การปลูกผักหวานป่า” ของ “ป้าคำพุฒ แสนสิบ” บ้านเลขที่ 71/1 หมู่ 7 บ้านโนนผักหวาน ตำบลแหลมทอง อ.ภักดีชุมพล จ.ชัยภูมิ 36260

สำหรับ “ศูนย์เรียนรู้การปลูกผักหวานป่า” แห่งนี้อยู่ภายใต้การสนับสนุนของ กศน.ตำบลแหลมทอง ที่ผ่านมาทาง กศน.ตำบลแหลมทองเปิดกลุ่มโครงการจัดการศึกษาต่อเนื่องแบบบูรณาการด้านอาชีพ หลักสูตรการปลูกผักหวานป่า ณ บ้านโนนผักหวาน โดยให้ป้าคำพุฒ แสนสิบ เป็นวิทยากรสอนเยาวชนและชาวบ้านที่สนใจหลักสูตรนี้อย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันครอบครัวป้าคำพุฒมีอาชีพปลูกผักหวานป่าแซมในสวนหม่อน ลำไย พริก เงาะ ปลูกแบบผสมผสาน บนพื้นที่ประมาณ 10 ไร่

ในอดีตครอบครัวป้าคำพุฒมีอาชีพรับจ้างเลี้ยงไหมมาตั้งแต่ปี 2528 จนกระทั่งปี 2543 เจอปัญหาราคาเส้นไหมตกต่ำ จากเดิมที่เคยซื้อขายในราคา กก.ละ 170 บาท ก็ร่วงหล่นเหลือแค่ 80 บาท/กก. รายได้หดหาย แถมมีปัญหาใบหม่อนไม่พอเลี้ยงหนอนไหม จึงพยายามมองหาอาชีพใหม่เพื่อเป็นรายได้เสริมเลี้ยงครอบครัว จังหวะนั้นเจอเพื่อนบ้านปลูกผักหวานป่าขาย กก.ละ 200 บาท ได้ผลกำไรดี จึงเกิดความสนใจ ขอให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สาขาชัยภูมิพาไปดูงานเรื่องการปลูกผักหวานที่บ้านหมอ จ.สระบุรี


ปลูกผักหวานป่า แซมพืชไร่ไม้ผล

ป้าคำพุฒได้นำต้นผักหวานป่ามาทดลองปลูก จำนวน 150 ต้น โดยปลูกผักหวานป่าเลียนแบบธรรมชาติ ปลูกแซมในสวนหม่อน ลำไย พริก เพื่อให้เป็นไม้พี่เลี้ยง ให้มีแสงแดดรำไร ต้นผักหวานป่าเจริญเติบโตดี ปลูกประมาณ 4 ปีก็เริ่มเก็บยอดผักหวานออกขายได้ ป้ากับเพื่อนเกษตรกรจะรวมกลุ่มกันขายผักหวานป่าให้แม่ค้า ในราคา กก.ละ 200 บาท

ปัจจุบันสวนผักหวานป่าแห่งนี้มีอายุครบ 10 ปีแล้ว ยังให้ผลผลิตที่ดี ผักหวานป่าเป็นพืชที่ทนแล้ง ใช้น้ำน้อย จะเข้าสู่ช่วงพักต้นในช่วงเดือนพฤศจิกายน-พฤษภาคมของทุกปี เมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูแล้งจะสามารถเก็บผักหวานป่าออกขายได้

ป้าคำพุฒบอกว่า ที่นี่เก็บผักหวานป่าออกขายปีละครั้ง โดยเก็บยอดผักหวานป่าในลักษณะผักสด และเก็บใบผักหวานป่ามาแปรรูปในลักษณะใบชา ต้นผักหวานป่าเมื่อมีอายุมากขึ้นจะมีเมล็ด สามารถนำมาเพาะขยายพันธุ์ได้ ผักหวานป่าจะมีเมล็ดปีละครั้ง จะสุกประมาณปลายเดือนเมษายน-ต้นเดือนมิถุนายน เมล็ดจะมีอัตรางอกลดลงอย่างเร็วมาก เมล็ดแก่ที่หลุดร่วงจากต้นต้องเร่งเพาะเมล็ดภายใน 15 วัน หากปล่อยทิ้งไว้เปอร์เซ็นต์การงอกก็จะลดลงเรื่อยๆ


จากปีแรกที่ปลูกต้นผักหวานป่า จำนวน 150 ต้น ปัจจุบันป้าคำพุฒสามารถขยายพันธุ์ต้นผักหวานป่าได้เพิ่มขึ้นเป็น 2,000-3,000 ต้น มีรายได้จากการเก็บผักหวานป่าออกขายปีละ 200,000 บาท และเก็บเมล็ดผักหวานป่าจากป่าชุมชนแถวบ้านมาเพาะขยายพันธุ์ จำหน่ายต้นกล้าแก่เกษตรกรและประชาชนที่สนใจ ในราคาต้นละ 25 บาท ต้นกล้าที่เกิดจากการเพาะเมล็ดสามารถเติบโต แข็งแรง เป็นที่ต้องการของตลาดทั่วไป

คำแนะนำ ในการปลูกผักหวานป่า

ป้าคำพุฒบอกว่า ปลูก 4 ปีก็เก็บยอดขายได้แล้ว เวลาขุดดินใส่ต้นกล้าผักหวานป่าลงไป ระวังอย่าให้รากขาด เพราะต้นผักหวานป่าจะไม่เจริญเติบโต ไม่แตกยอด เวลาปลูกควรใส่ปุ๋ยคอกบำรุงดินลงไป ต้นผักหวานป่ามีอายุยืน 50-100 ปี แถมดอกผักหวานป่ายังขายได้ราคาดีอีกต่างหาก ขายส่งในราคา กก.ละ 300 บาท ตลาดนิยมดอกผักหวานป่าเพราะถือว่าเป็นของแปลก เป็นยาดี ขายแยกดอก แยกใบ

โดยธรรมชาติแล้ว ต้นผักหวานป่ามักพบเห็นได้ตามป่าเบญจพรรณที่มีไม้ยืนต้นหลากหลายชนิด หากเรานำมาปลูกในพื้นที่เรือกสวนไร่นาจำเป็นต้องสร้างบรรยากาศภายในสวนให้มีร่มเงาเหมือนป่าตามธรรมชาติ โดยปลูกผักหวานป่าแซมกับไม้ผลไม้ยืนต้น ประเภทต้นลำไย มะยงชิด ต้นหม่อน หากปลูกผักหวานป่าแบบพืชเชิงเดี่ยว ต้นผักหวานป่าจะแสดงอาการใบเหลืองและมีโอกาสตายได้

เพื่อช่วยให้ต้นผักหวานป่าเจริญเติบโตเร็วและแตกยอดได้ดี ควรตัดยอดบ่อยๆ เพื่อกระตุ้นให้ต้นผักหวานป่าแตกยอดใหม่ได้มากขึ้น เทคนิคนี้ได้ผลดีเมื่อทำกับต้นผักหวานป่าที่มีอายุมากแล้วเท่านั้น นอกจากนี้ การขุดรากผักหวานป่าที่เป็นต้นแก่แล้วสามารถช่วยให้เกิดการแตกต้นใหม่ได้เช่นกัน สำหรับต้นผักหวานป่าที่ปลูกตามธรรมชาติ แค่ดูแลใส่ปุ๋ยคอก ใส่ปุ๋ยขี้ไหมใต้ต้นผักหวานป่าก็ทำให้ต้นผักหวานในชุมชนแห่งนี้มีความโดดเด่นไม่เหมือนใคร คือมีลักษณะยอดใหญ่และอ่อน มีรสชาติหวาน มัน กรอบ

ที่ผ่านมาครอบครัวป้าคำพุฒได้รับการสนับสนุนเงินกู้จาก ธ.ก.ส.สาขาชัยภูมิ จำนวน 5,000 บาท เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนทำนารอบ 2 ป้าคำพุฒกู้เงิน 200,000 บาทมาใช้ก่อสร้างโรงเรือนเลี้ยงไหม ปัจจุบันป้าคำพุฒมีรายได้จากการทำสวนผักหวานป่าผสมผสานกับสวนผลไม้ สร้างรายได้ก้อนโต หักค่าใช้จ่ายแล้วยังมีเงินเหลือเก็บเหลือใช้ สามารถชำระเงินกู้กับ ธ.ก.ส.ได้หมดแล้ว ปัจจุบัน ฐานะความเป็นอยู่ของครอบครัวป้าคำพุฒก็ดีขึ้นเรื่อยๆ และสวนแห่งนี้ก็กลายเป็นศูนย์เรียนรู้เรื่องการปลูกผักหวานป่าที่ผู้สนใจต่างแวะเวียนกันเข้ามาหาความรู้ได้อย่างต่อเนื่อง




ผู้เขียน ปรัชญา รัศมีธรรมวงศ์ (เรื่อง-ภาพ)
http://money.sanook.com

Related Post

Previous
Next Post »