About nananews

Manual Description Here: Ea eam labores imperdiet, apeirian democritum ei nam, doming neglegentur ad vis.

ดีท๊อกซ์ด้วยมะนาวเพียง 1 ลูกครบ 2 เดือน ลดได้ 12 กิโล
















“น้ำมะนาว” สด ๆ ลดความอ้วน..ง่าย ๆ อย่างนี้ต้องลอง


ง่าย ๆ อย่างนี้ต้องลอง ดีท๊อกซ์ด้วยมะนาวเพียง 1 ลูกครบ 2 เดือน ลดได้ 12 กิโล …ไม่น่าเชื่อ !!!


ดยสูตรน้ำมะนาวลดความอ้วนของ คุณกิติพงษ์ ปังศรีวินิจ อาจารย์หมอ กดจุดปรับสมดุลร่างกาย ประจำสำนักแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุขมีวิธีที่ง่ายแสนง่ายที่จะช่วยลดน้ำหนักตัวลงอย่างเห็นผลได้
สูตรการทำ “น้ำมะนาว” สด ๆ ลดความอ้วน..

1. ตอนเช้า..น้ำมะนาว 1 ลูก ผสมกับน้ำอุ่นหรือน้ำสะอาด 1 แก้วตื่นนอนตอนเช้าดื่มเลยจ้า ดื่มก่อนที่เราจะอาบน้ำทำความสะอาด
ร่างกาย ดื่มให้หมดแก้วภายในครั้งเดียว สักพักค่อยอาบน้ำทำกิจวัตรตามปกติสูตร

2. น้ำมะนาว + น้ำผึ้งหรือน้ำตาลทรายแดง+เกลือ+น้ำอุ่นชงน้ำตาลทรายแดงกับเกลือในน้ำอุ่นจนละลายทิ้งไวสักครู่ พอน้ำไม่ค่อยร้อนบีบน้ำมะนาว 1 ลูก แล้วรีบทานได้เลย ทานก่อนนอนสัก 15-20 นาที (เวลานี้ดีที่สุด)ทานประจำทุกวัน หลังจาก 7 วัน น้ำหนักตัวจะเริ่มลด รูปร่างจะดีขึ้น..ผ่านไป 2 อาทิตย์ เสื้อผ้าเริ่มหลวม..ผ่านไปครบ 1 เดือน ขาและน่องจะเล็กลงอย่างเห็นได้ชัดเจน น้ำ


มะนาวจะช่วยลดไขมันในเลือด เอวหาย น้ำหนักลด มะนาวเป็นสมุนไพรลดความอ้วนที่ดีที่สุด เป็นสูตรธรรมชาติ ไม่มีโทษกับร่างกายถ้าอยากรูปร่างดียิ่งขึ้นอีกให้ออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย วันละ 15-20 นาทีเพียงเท่านี้ คุณก็จะได้ร่างกายที่ไร้มลพิษ แถมยังได้รูปร่างที่สมส่วนอีกด้วย





http://www.s thai .com/2016/01/1-2-12.html




Read More...

นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริง!! เมื่อคุณกินคื่นฉ่ายทุกวัน...ตลอดทั้งสัปดาห์













2,000 กว่าปีที่ผ่านมาคนโบราณในกรีซและอียิปต์ใช้คื่นฉ่ายเพื่อการรักษาโรค แต่ปัจจุบันคนมักจะมองข้ามคื่นฉ่ายแม้ว่ามันจะเป็นสมุนไพรที่มหัศจรรย์ที่สุดเช่นเดียวกับคุณประโยชน์ทางโภชนาการ


คื่นฉ่าย เป็นผักที่มีประสิทธิภาพช่วยลดความดันโลหิตสูง การสูญเสียน้ำหนักในโรคเอดส์ บรรเทาอาการปวดเกร็งของมดลูก (PMS) ป้องกันความเจ็บปวดจากโรคมะเร็ง และสามารถนำไปใช้เป็นยาไล่ยุง

ถ้าคุณกินคื่นฉ่ายทุกวันเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ คุณจะเห็นถึงประโยชน์อย่างมากต่อสุขภาพของคุณ

เหตุผลที่ว่าทำไมคื่นฉ่ายถึงมีประโยชน์ เพราะมันเป็นพืชชนิดน้ำที่เต็มไปด้วยวิตามินแร่ธาตุและสารอาหาร มันให้พลังงานที่ดีกว่าเครื่องดื่มชูกำลังที่ขายตามท้องตลาด มีวิตามิน A, C, E, K, B12 อยู่เป็นจำนวนมาก รวมถึงแคลเซียม โพแทสเซียม แมกนีเซียม สังกะสี และ เหล็ก 

ซึ่งสามารถเติมเต็มพลังงานให้กับร่างกายหลังจากกิจกรรม ผักมหัศจรรย์นี้มีประโยชน์อย่างมากสำหรับคนที่ทรมานจากโรคเกาต์และโรคไขข้ออักเสบ มันสามารถเสริมสร้างเนื้อเยื่อในบริเวณที่เกิดการอักเสบ ช่วยลดการอักเสบและบวมในข้อต่อ คื่นฉ่ายสามารถนำมาใช้ในการรักษาโรคมะเร็ง เนื่องจากมีความเป็นยา มีคูมาริน( coumarin), ฟลาโวนอยด์ (flavonoid) และสารต้านอนุมูลอิสระ ทำหน้าที่เป็นตัวต่อสู้กับโรคมะเร็ง

ด้วยการศึกษากันอย่างมากมาย คูมารินช่วยลดการกลายพันธุ์ของเซลล์มะเร็งและอนุมูลอิสระที่เป็นอันตราย รวมถึงสารก่อมะเร็งที่มักจะพัฒนาเป็นมะเร็ง นอกจากนี้คื่นฉ่ายยังอุดมไปด้วยวิตามินซีซึ่งจะช่วยป้องกันร่างกายจากโรคหัวใจและหลอดเลือด, โรคหวัด

คื่นฉ่ายถือเป็น super food เพราะส่วนหนึ่งของผักมีค่าเป็นยา เช่น ราก เมล็ด ก้าน และใบของพืชชนิดนี้ยังป้องกันและรักษาโรคไมเกรน, หอบหืด, โรคเบาหวาน, โรคติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ, โรคตับ, โรคแทรกซ้อนในถุงน้ำดี, โรคอ้วน, ปัญหาจากฟัน วัณโรค ภาวะซึมเศร้า และอีกมากมาย ผักชนิดนี้อุดมไปด้วยสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อการเจริญพันธุ์และต่อมลูกหมากของผู้ชายและยังเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ

คนที่ทรมานจากอาการท้องผูกเรื้อรัง ควรบริโภคคื่นฉ่ายให้เป็นประจำเพราะมันเต็มไปด้วยไฟเบอร์ นอกจากนี้การกินคื่นฉ่ายจะช่วยให้คุณลดน้ำหนักได้และทำให้สุขภาพดีขึ้นหลังจากลดน้ำหนัก

คุณสามารถรับรู้ด้วยตัวคุณเอง เพราะผักชนิดนี้สามารถป้องกันการเกิดโรคร้ายแรง บำรุงร่างกาย และช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน

กินคื่นฉ่ายทั้งสัปดาห์และคุณจะรู้สึกถึงความแตกต่างในร่างกายของคุณ





http://www.sa sa sabbay news i.com/2016/06/blog-post_305.html








Read More...

น้ำจิ้มรสเด็ด 2 สูตรน้ำจิ้มลูกชิ้น รสแซ่บ เจอแบบนี้ซื้อลูกชิ้นมารอเลย









น้ำจิ้มลูกชิ้น สูตรที่ 1

ส่วนผสม

           พริกแห้งเม็ดใหญ่
           รากผักชี
           กระเทียม
           พริกโขลกละเอียด (หากเป็นพริกกะเหรี่ยงได้ยิ่งดี เน้นให้เผ็ดด้วยนะ ความเผ็ดจะอยู่ตรงนี้ ไม่ใช่ที่พริกแห้ง)
           มะเขือเทศลูกใหญ่ 6-7 ลูก (มะเขือเทศจะให้ความเข้มข้นของตัวน้ำจิ้มและให้รสนัวอร่อยด้วย)
           น้ำตาลปี๊บ
           น้ำตาลทราย
           น้ำส้มสายชู 4 ทัพพี (ใส่เพิ่มทีหลังได้)
           เกลือป่น
           มะขามเปียก (แบบเอาเม็ดออก) 2 ปั้น

หมายเหตุ:ส่วนผสมทุกอย่างกะตามปริมาณเอานะค่ะ




to ou dhttp://www. thank you tpcom/news1927.html


Read More...

มาทำ...ข้าวหมูแดง+น้ำซอสข้าวหมูแดง อร่อยเวอร์!!!!









ข้าวหมูแดง

ส่วนผสมและสัดส่วนข้าวหมูแดง 

1. หมูเนื้อแดงติดมันหั่นเป็นชิ้นยาวๆ 2 ชิ้น
2. เหล้าจีน 4 ช้อนโต๊ะ
3. น้ำมันงา 4 ช้อนโต๊ะ
4. น้ำตาล 2 ช้อนโต๊ะ
5. ซอสมะเขือเทศ 5 ช้อนโต๊ะ
6. ซีอิ๊วขาว 4 ช้อนโต๊ะ
7. ซีอิ๊วดำ 3 ช้อนโต๊ะ
8. เกลือ ¾ ช้อนโต๊ะ
9. แป้งมันสำปะหลัง 1/4 ถ้วยตวง (ผสมน้ำให้ละลายเตรียมไว้)


ซอสข้าวหมูแดง 

1. ซอสมะเขือเทศ 2 ช้อนโต๊ะ
2. ผงพะโล้ ¼ ช้อนชา
3. น้ำตาลปี๊ป 3 ช้อนโต๊ะ
4. ซีอิ้วขาว 3 ช้อนโต๊ะ
5. ซีอิ้วดำ 1 ช้อนชา
6. น้ำมันงา 1 ช้อนชา
7. แป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ
8. น้ำเปล่า 1 ถ้วย
9. ซุปไก่ก้อน ½ ก้อน
10. งาดำคั่วสุก เล็กน้อย

วิธีทำข้าวหมูแดง 

1. หมูเอาไปล้างน้ำแล้วซับน้ำให้แห้ง หมักกับ น้ำมันงา เหล้าจีน น้ำตาล ซีอิ๊วขาว ซีอิ๊วดำ ซอสมะเขือเทศและเกลือ หมักทิ้งไว้อย่างน้อย 1 ชั่วโมง
2. นำเนื้อหมูที่ได้ ไปย่างหรืออบจนสุก หั่นเป็นชิ้นบางๆ เตรียมไว้
3. ทำน้ำราดหมูแดงโดยนำส่วนผสมทั้งหมด ยกเว้นแป้งข้าวโพด ผสมให้เข้ากัน แล้วยกขึ้นตั้งไฟ รอจนเดือด
4. แป้งข้าวโพด เติมน้ำเปล่าลงไปเล้กน้อย ใส่ลงไป คนให้เข้ากันอย่าให้แป้งเป็นก้อน จากนั้นใส่งาดำคั่วลงไปปิดไฟแล้วยกลง
5. ตักข้าวแล้ววางเครื่องข้าวหมุแดงต่างๆ ลงไป ตามปกตินอกจากหมูแดงแล้ว ก็จะมีกุนเชียง ไข่ต้ม หมูกรอบ



http://www food good for you.com/news1994.html
Read More...

เธอคนนี้หายจากมะเร็งต่อมไทรอยด์ ระยะที่ 4 ..เพราะเครื่องดื่มผลไม้นี้!







เธอคนนี้หายจากมะเร็งต่อมไทรอยด์ ระยะที่ 4 ..เพราะเครื่องดื่มผลไม้นี้!

แพทย์แทบไม่อยากเชื่อ ผลการวิจัยยืนยันว่า ผู้หญิงคนนี้รักษามะเร็งระยะที่ 4 ด้วยการกินเพียงเท่านี้


ผู้หญิงคนนี้ชื่อ แคนดิซ มารีฟ๊อกซ์ เธอเป็นมะเร็งต่อมไทรอยด์มา 5 ปี มีชีวิตอยู่โดยแพทย์ โรคมะเร็งได้แพร่กระจายไปยังจนทั่วร่างกาย เธอหยุดการรักษาด้วยเคมีบำบัด และเธอเริ่มดื่มเครื่องดื่มผลไม้นี้ ซึ่งมีส่วนประกอบเหล่านี้

เครื่องดื่มผลไม้ต้านมะเร็ง


สับปะรด
มะนาว
ผลกีวี
ส้มโอ
แอปเปิ้ล
มะละกอ
กล้วย

ข่าวดีคือวันนี้เธอได้สุขภาพที่ดีในวัย 31 ปีคืนอย่างน่าอัศจรรย์ เธอสามารถเอาชนะโรคมะเร็งระยะที่ 4 ในเวลาเพียง 6 เดือนอย่างไม่น่าเชื่อ!


http://wwwdara news .com/2016/06/4_28.html

Read More...

สูตรการ"หมักปีกไก่ย่าง & ไก่สะเต๊ะ "รสเด็ด ขายไม้ละ 5,บาท10 บาท รายได้ดี ....











ส่วนผสมของไก่ย่าง

– ไก่สด 3 กิโลกรัม
– กระเทียม 20 กลีบ
– รากผักชีหั่น 2 ช้อนโต๊ะ
– พริกไทย 10 เม็ด
– เกลือป่น 2 ช้อนชา
– ซีอิ๊วหวาน 1 ช้อนโต๊ะ
– น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

นำไก่สดเป็นชิ้นๆ ได้แก่ น่อง ขา ปีก สะโพก ตับ กึ๋น มาคลุกเคล้ากับพริกไทย กระเทียม รากผักชี ที่โขลกละเอียดแล้ว ใส่เกลือป่น ซีอิ้วหวาน และน้ำตาลทราย คลุกให้เข้ากัน หมักไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วจึงนำมาเสียบไม้ ปีก น่อง ขาสะโพก เสียบชิ้นละไม้ สำหรับตับและกึ๋นเสียบไม้ละ 3-4 ชิ้น จากนั้นนำมาย่างเตาถ่านไฟปานกลาง ถ้าไฟแรงเกิน โรยด้วยขี้เถ้า ย่างให้สุกเกรียมทั้ง 2 ด้าน แต่อย่าให้ไหม้









http://wwwbe best food newse com/news4639.html





Read More...

ไปหาดใหญ่มาจร้า ได้ สูตร"ไก่ทอดหาดใหญ่"มาลองทำค่ะ ผลออกมา อร่อย ถูกใจมากค่ะ



















ส่วนผสมของไก่ทอดหาดใหญ่

- ปีกไก่ 1 กิโลกรัม
- กระเทียมไทยกรีบเล็ก 30 กลีบ
- พริกไทยเม็ด 1กำมือ
- ลูกผักชีป่น1/2 ชต.
- ยี่หร่าป่น 1/2 ชช.
- ซีอิ้วขาว 1 ชต.
- ซอสปรุงรส 1ชต.
- เกลือป่น 1 ชช.
- น้ำตาลทรายแดง 1 1/2 ชช.
- แป้งสาลีหรือแป้งข้าวเจ้า 1ทัพพี
- น้ำมันพืช สำหรับทอด


วิธีทำ 


1.ล้างไก่ให้สะอาด พักให้สะเด็ดน้ำ
2.โขลก กระเทียม พริกไทย ลูกผักชี และยี่หร่า ให้ละเอียด จากนั้นนำไปผสมกับซีอิ้วขาว ซอสปรุงรส เกลือป่น และน้ำตาลทรายแดง คลุกส่วนผสม ทั้งหมดให้เข้ากันเทลงไปหมักกับไก่นำถุงหรือผ้าขาวบางมาปิดทิ้งไว้อย่างน้อย 3 ชั่วโมง



3.เมื่อครบเวลาที่กำหนดจนได้ที่แล้ว จึงใส่แป้งสาลีลงไปในไก่ที่เราหมักเอาไว้ จากนั้นคลุกให้ส่วนผสมเข้ากันดี
4.ตั้งกะทะไฟปานกลางนำไก่ลงทอดจนเริ่มสุกมีสีเหลืองเข้มให้เร่งไฟแรงเพิ่มไล่น้ำมันจนไก่เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลทอง ตักขึ้น พักในตะแกรงจนสะเด็ดน้ำมัน







http://wwwfoood be best com/news6402.html




Read More...

รีบเช็คด่วน...พฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้คุณเป็นไตวายอย่างไม่รู้ตัว









ไตวาย ภัยเงียบที่คนในสังคมในยุคนี้มีโอกาสที่จะป่วยเป็นโรคนี้จำนวนมาก และที่บอกว่าเป็นภัยเงียบนั้น ก็เพราะว่าเนื่องจากไม่ค่อยมีสัญญาณอะไรที่บ่งบอกเลยว่าป่วยคุณกำลังป่วยเป็นไตวาย แล้วจะมีวิธีสังเกตอย่างไรว่าเรากำลังมีความเสี่ยงที่จะเป็นไตวายหรือไม่ ให้ดูจากพฤติกรรมเหล่านี้


1. กินเค็มมากเกินไป เพราะหากทานเค็มจะทำให้ไตทำงานหนักมากขึ้น 

2. ดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป หากดื่มมากเกินไป แอลกอฮอล์จะเข้าไปทำลายตับ และทำลายไตได้ 

3. พักผ่อนไม่เพียงพอ การนอนดึกทำให้ตับและไตถูกทำลาย หากจำเป็นต้องนอนดึก อย่านอนเกิน 5 ทุ่มจะดีกว่า 

4. ทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร หากทานมากเกินไป ส่งผลให้ไตทำงานหนัก และเสียสุขภาพได้ 

5. ซื้อยากินเอง ยาบางชนิดมีฤทธิ์รุนแรงอย่างที่คาดไม่ถึง เช่น ยาบรรเทาอาการปวด ไอบูโฟรเฟน เมื่อทานเข้าไป จะส่งผลต่อไตให้ทำงานหนัก 

6. ทำงานหนักเกินไป หากเกิดอาการเครียดจากการทำงานหนัก หรือใช้แรงงานมากเกินไป ก็ส่งผลให้ไตมีปัญหา 

7. ดื่มชาเข้มข้นเป็นประจำ ร่างกายจะสะสมคาเฟอีนในปริมาณมาก ทำให้ไตทำงานหนัก และก่อให้เกิดนิ่วที่ไตได้ 

8. เครียด หงุดหงิดง่าย อารมณ์ก็มีการส่งผลต่อไต หากเครียดหรือหงุดหงิดเกินไป ไตของเราก็จะทำงานหนักเกินความจำเป็น 

9. กินอาหารทะเลพร้อมดื่มเบียร์ อาหารทะเลมีสารพิวรีน เมื่อดื่มเบียร์เข้าไปจะเช้าไปควบคุมกรดยูริก ทำให้กรดยูริกในเลือดสูงขึ้น ส่งผลให้เกิดอาการปวดที่ไตได้ 

10. ออกกำลังกายอย่างหักโหม สำหรับใครที่ไม่ค่อยออกกำลังกาย แล้วหันมาออกกำลังกายอย่างหักโหม มีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นไตวายอย่างเฉียบพลัน 

ทั้งหมดที่กล่าวมา 10 ข้อเป็นพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการทำให้ไตวาย หากไม่อยากเป็นไตวายโดยไม่รู้ตัว ก็หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเหล่านี้ เพื่








http://www.today thai news 20162016/06/blog-post_375.html

Read More...

ตลาดน้ำบางน้อย แวะชิมแวะเที่ยว






ย้อนกลับไปกว่าร้อยปีก่อน ทุกๆ วันขึ้นและแรม 3 ค่ำ 8 ค่ำ และ 13 ค่ำ ในช่วงที่ตะวันลับขอบฟ้าไปได้ครึ่งค่อนคืน เรือพายนับร้อยลำทยอยกันออกมาจากที่โน่นที่นี่เพื่อมาติดนัดที่ ตลาดน้ำคลองบางน้อย จ. สมุทรสงคราม ในอดีตนัดที่คลองบางน้อยเคยเป็นนัดที่คึกคักมาก พ่อค้าแม่ค้าจะมาจองที่จอดเรือกันตั้งแค่คืนก่อนวันนัด คนซื้อก็เริ่มพายเรือออกมาเลือกของกันอย่างคึกคักเช่นเดียวกัน







แม้วันนี้เวลาจะล่วงเลยผ่านไปกว่าร้อยปี ตลาดน้ำบางน้อยจะเงียบเหงาซบเซาลงไปบ้าง แต่ด้วยความคิดถึงและโหยหาอดีตของผู้คนยุคนี้ ตลาดน้ำบางน้อยจึงฟื้นตัวขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับมีการปรับปรุงบ้านเรือ เปิดร้านรวงให้นักท่องเที่ยวไปเดินชมบรรยากาศเก่าๆ ของบ้านเรือน แวะซื้อสินค้าและชิมอาหารอร่อยๆ ในชุมชน ไม่ว่าจะเป็น โรตีแต้จิ๋ว สูตรโบราณ ร้านสมัยศิลป์, ก๋วยเตี๋ยวน้ำแดงร้านป้าพูน เจ้าเก่า 50 ปี, เกี๊ยวกุ้งร้านโอเล่ลูกกตัญญู เกี๊ยวกุ้ง นุ่มสด, ก๋วยเตี๋ยวต้มยำสูตรมะนาวร้านเจ๊หงวน ถั่ว พริกทำเอง ใส้กุ้งแม่น้ำของแท้ ผัดไทสูตรน้ำพริกเผา ร้านเจ๊เจ็ง อร่อยเข้มข้นไม่เหมือนใคร รวมถึงของฝากขึ้นชื่ออย่าง มะนาวดองสูตรคุณย่า ที่อร่อยและสะอาด รวมไปถึงชาวบ้านชาวสวน นำสินค้าเกษตรของท้องถิ่นมาวางขาย ให้เลือกซื้อเลือกหากันอย่างละลานตา








มีเวลาแวะไปเที่ยวกันได้นะครับ ตลาดน้ำบางน้อยเปิดทุกวัน แต่วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ บรรยากาศจะคึกคักที่สุด

สอบถามข้อมูลการท่องเที่ยวได้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสมุทรสงคราม โทร.0 3475 2847-8

ภาพ: ทศพร สุภาพ

ขอขอบคุณ: การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) งานแผนปฏิบัติการตลาดภาคกลาง (www.tiewpakklang.com) และ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสมุทรสงคราม





Read More...

เตือนภัย! เนื้อหมูใส่ “บอแรกซ์” สีสวยน่าทาน แต่อันตรายมหาศาล










เป็นที่ทราบกันตั้งแต่ดีตั้งแต่เด็กๆ ว่าหากพบเนื้อหมูสีแดงสดจัดผิดปกติ ที่วางขายตามตลาดทั่วไป ให้ตั้งข้อสงสัยเอาไว้คร่าวๆ ได้เลยว่า อาจเป็นเนื้อหมูที่มีการใส่สาร “บอแรกซ์” ซึ่งเป็นสารที่ผู้ค้าส่งเนื้อสัตว์มักใช้ใส่ในเนื้อสัตว์สด เพื่อทำให้สีสันดูสดใหม่ น่ารับประทานมากขึ้น และช่วยไม่ให้อาหารสดเน่าเสียง่าย หากแต่ “บอแรกซ์” เป็นสารที่ส่งผลอันตรายต่อสุขภาพอย่างที่เราคาดไม่ถึงเลยทีเดียว




บอแรกซ์ คืออะไร?

บอแรกซ์ หรือผงเนื้อนิ่ม, น้ำประสานทอง มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า “โซเดียม เตตราบอเรต” ปกติเอาไว้ใช้ในงานอุตสาหกรรม เช่น การทำแก้ว เพื่อช่วยให้แก้วทนความร้อนมากยิ่งขึ้น และอุตสาหกรรมหล่อทอง เพื่อช่วยประสานเนื้อทองขณะผลิตทองคำ หรืออุตหกรรมเครื่องสำอาง ที่ใช้บอแรกซ์ในแป้งทาตัว เพื่อหยุดยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา

นอกจากนี้สารบอแรกซ์ไม่สามารถถูกกำจัดได้หมดด้วยความร้อน จะยังมีสารตกค้างปะปนอยู่ ดังนั้น บอแรกซ์ ไม่ใช่สารที่จะนำมาใส่ในอาหาร



อันตรายจาก “สารบอแรกซ์” ในเนื้อหมู

อาการที่อาจเกิดขึ้นได้ทันทีที่ทาน

1. คลื่นไส้ อาเจียน

2. ปวดท้อง ระคายเคืองกระเพาะอาหาร

3. อุจจาระร่วง มีเลือดปน

4. อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ

5. หงุดหงิด เหนื่อยง่าย

6. ระบบประสาทส่วนกลางถูกกดทับ จนอาจถึงแก่ชีวิต

อาการที่อาจเกิดขึ้น เมื่อได้รับสารบอแรกซ์ทีละเล็กละน้อย แต่ต่อเนื่องยาวนาน

7. มีอาการเบื่ออาหาร

8. หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ

9. ความดันโลหิตลดลง

10. ผิวหนังแห้ง อักเสบ เป็นผื่นแดง

11. ตาบวม เยื่อตาอักเสบ ตับและไตอักเสบ

12. ปัสสาวะน้อยลง เพราะร่างกายไม่สามารถขับของเสียได้ และทำให้ร่างกายเต็มไปด้วยสารพิษ



ปริมาณบอแรกซ์ที่ทำอันตรายต่อร่างกาย

ผู้ใหญ่

ทำให้ร่างกายเกิดพิษ : 5-10 กรัม

มีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิต : 15-30 กรัม



เด็ก

ทำให้ร่างกายเกิดพิษ และมีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิต : 4.5-14 กรัม



อาหารที่พบการใส่สารบอแรกซ์

1. หมูบดสำเร็จรูป

2. ลูกชิ้นกรุบกรอบ

3. ทอดมัน



ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขไม่ได้นิ่งนอนใจ ส่งทีมเข้าไปตรวจคุณภาพเนื้อหมูในตลาดอยู่เป็นระยะๆ หากพบเนื้อหมูที่มีการใส่สารบอแรกซ์ ผู้ค้าต้องได้ถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย




http://healt food thailand.com/3917/

Read More...

“แกงส้มดอกแค” อาหารพื้นบ้าน สรรพคุณไม่ธรรมดา







แกงส้มดอกแค มีใครไม่เคยกินไหม? ถ้ายังรีบไปลองเลยแล้วจะติดใจ ด้วยความเข้มข้นของน้ำแกงส้มที่เผ็ดร้อนคู่กับดอกแครสหวานอมขมนิดๆ เคล้ารวมกันกับเนื้อสัตว์ กินพร้อมกับข้าวสวยร้อนๆ บอกเลยว่า อร่อยเกินคำบรรยาย เริ่มอยากกินแล้วล่ะสิ แต่ก่อนที่จะไปกิน  Sanook! Health มีคุณประโยชน์จากแกงส้มดอกแคมาบอกให้รู้กัน



แกงส้มเป็นอาหารพื้นบ้านที่อยู่คู่กับคนไทยมาเนิ่นนาน นอกจากดอกแคแล้วยังสามารถใส่ผักอื่นลงไปแทนได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น แกงส้มผักบุ้ง แกงส้มชะอมทอด หรือจะเป็นแกงส้มผักรวมก็อร่อยและมีประโยชน์ไม่แพ้กัน สำหรับ แกงส้มดอกแค ดอกแคเป็นพืชที่เติบโตได้ง่ายในเขตร้อนชื้น  โตเร็ว ปลูกได้ทุกที เพราะฉะนั้นถ้าบ้านใครมีพื้นที่จะปลูกต้นแคก็ไม่เลวเลยนะ ถ้าคิดเมนูไม่ออก เดินไปเด็ดดอกแคหลังบ้านก็ได้เมนูแสนอร่อยแล้ว














ทางแพทย์แผนไทย แกงส้มดอกแคถือว่ามีสรรพคุณเป็นยาแก้ไข้หัวลม แต่ยังมีประโยชน์นอกเหนือจากนั้นด้วย

คุณประโยชน์ของแกงส้มดอกแค :

1. ดอกแค รสหวานอมขม แก้ไข้หัวลม

2. น้ำแกงส้ม รสเผ็ดร้อน ช่วยย่อยอาหารและขับลมในกระเพาะ

3. มะขามเปียก รสเปรี้ยว ลดความร้อนในร่างกาย แก้ท้องผูก ขับเสมหะ

4. สร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย รักษาอาการหวัด

5. รสเผ็ดและเปรี้ยวของแกงส้ม ช่วยบำรุงธาตุน้ำและลม

6. ดอกแคมีวิตามินเอ ช่วยบำรุงสายตา

7. ดอกแคช่วยให้ขับถ่ายดีขึ้น รักษาอาการท้องผูก

8. เจริญอาหาร เนื่องด้วยรสขมของดอกแคจะล้างเมือกในช่องปาก ทำให้อยากอาหารมากขึ้น



แกงส้มดอกแค นอกจากจะอร่อยและมีประโยชน์หลากหลายแล้ว ยังจัดว่าเป็นเมนูอาหารคลีนด้วยนะ เพราะฉะนั้นคนที่ลดน้ำหนักอยู่ ลองหันมากินเมนูนี้ เพื่อเพิ่มรสชาติให้กับตัวเองบ้างก็ได้นะ ยังไงก็ผอมแน่นอน  คอนเฟิร์ม!







http://health.food .com/3921/



Read More...

เช็คด่วน! 4 กลุ่มคนที่ต้องคุมน้ำหนักด้วย “โปรตีน”












สาวๆ หนุ่มๆ หลายคนที่อยากผอมลง ใช้วิธีอดอาหาร ลดอาหารทุกประเภท ไล่มาตั้งแต่แป้ง น้ำตาล ยันโปรตีน แล้วทานแต่ผัก และผลไม้ หรือเกลือแร่ และวิตามินเท่านั้น แต่จริงๆ แล้ว ยังมีคนบางกลุ่มที่ “โปรตีน” เป็นปัจจัยสำคัญในการควบคุมน้ำหนัก ห้ามขาดโดยเด็ดขาด จะมีใครบ้างตามไปดูกันเลย!

1. กลุ่มนักเพาะกาย

เมื่อต้องสร้างกล้ามเนื้อ โปรตีนจึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เพราะโปรตีน เป็นแหล่งสำคัญของกรดอะมีโน ที่จะช่วยในการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ถ้าร่างกายได้รับโปรตีนไม่เพียงพอ ก็ไม่สามารถสร้างกล้ามเนื้อได้ เปรียบเสมือนการสร้างบ้าน แต่ไม่มีอิฐเพียงพอนั่นเอง


2. คนที่น้ำหนักขึ้นง่าย

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับระบบการเผาผลาญอาหารแนะนำว่า การรับประทานโปรตีนมากๆ ช่วยให้อิ่มนาน เพราะโปรตีนย่อยยาก นอกจากนั้นโปรตีน ยังช่วยให้ปริมาณน้ำตาลในเลือดคงที่ ทำให้ลดความอยากรับประทานของหวานลงได้ ดังนั้น ผู้ที่กำลังลดน้ำหนักไม่ควรงดโปรตีน ในทางตรงข้าม ควรเพิ่มโปรตีนเพื่อให้ไม่รู้สึกหิวบ่อยๆ ลดความอยากอาหาร และกล้ามเนื้อก็ยังคงอยู่


3. ผู้ที่ต้องควบคุมน้ำหนัก เพราะชอบรับประทานของหวาน และคาร์โบไฮเดรต

ถ้าหากว่า ข้าว ขนมปัง ขนมขบเคี้ยว เป็นอาหารโปรดของคุณ เห็นทีจะต้องเปลี่ยนพฤติกรรมในการบริโภคเสียแล้วล่ะ ลองลดอาหารพวกนี้ลง แล้วเปลี่ยนมาเป็นโปรตีนคุณภาพสูงดีกว่า เช่น ไข่ขาว ปลา เนื้อไม่ติดมัน คุณจะได้ปริมาณแคลอรี่เพิ่มมากขึ้นจากโปรตีนพวกนี้ ซึ่งดีกว่าการบริโภคน้ำตาล หรือคาร์โบไฮเดรต ซึ่งมันจะช่วยลดความดันโลหิต ลดปริมาณไขมัน LDL ที่สะสมในร่างกาย นอกจากน้ำหนักที่ลดลงแล้ว ยังได้สุขภาพที่ดียิ่งขึ้นด้วย


4. ผู้ที่อยู่ในวัยกลางคน การได้รับโปรตีนไม่เพียงพอ

ในวัย 50 ขึ้นไปควรได้รับปริมาณโปรตีนเพิ่มขึ้น เพราะคนวัยนี้มีความเสี่ยงต่อสภาวะกล้ามเนื้อพร่อง หรือการสูญเสียกล้ามเนื้อนั้นเอง ในปี 2015 โรงเรียนแพทย์ในรัฐอาร์คันซอ สหรัฐอเมริกา แนะนำว่า คนในวัย 52 -75 ปี ควรรักษากล้ามเนื้อ แต่คนในวัยนี้ ก็มีความเสี่ยงของภาวะไขมันในเลือดสูงและโรคหัวใจ ดังนั้นโปรตีนที่จะบริโภคเข้าไปนั้น อาจจะเป็นโปรตีนจากแหล่งอื่น ที่ไม่ใช่เนื้อแดง ไข่ และนม แต่เป็น โปรตีนจากถั่ว เมล็ดพืช และปลา แทน

อย่าคิดว่าการอดอาหาร คือการลดน้ำหนักเป็นอันขาดเลยนะคะ เคล็ดลับง่ายๆ ในการลดน้ำหนัก มีแค่การลดปริมาณอาหารที่ให้พลังงานสูง (แป้ง น้ำตาล ไขมันชนิดไม่ดี) และให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานมากขึ้น ด้วยการออกกำลังกาย จากนั้นก็เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อบำรุงร่างกายให้แข็งแรง แต่ต้องใช้เวลาสักหน่อย ทำไปเรื่อยๆ หลายๆ เดือน รับรองว่าเห็นผลดี และปลอดภัยกว่าการทานยา หรืออาหารเสริมแน่นอนค่ะ




/
http://health.food sasa com/3945/


Read More...

ลือ iPhone 7 Plus อาจจะไม่ได้เลนส์กล้องคู่







  เชื่อว่าแฟน ๆ Apple หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งคือ สาวก ตั้งตารอคอยใจนการซื้อ iPhone 7 รุ่นใหม่ โดยเฉพาะ iPhone 7 Plus ที่คาดว่าะมีกล้องหลังคู่ จะสร้างประทับใจในการถ่ายภาพ ล่าสุดในสื่อสังคมออนไลน์อย่าง Weibo เผยว่าอาจจะไม่มีฟีเจอร์นี้



   ความเดิมของรุ่น Plus นั้นจะเป็น iPhone ที่มีขนาดที่ใหญ่โตขึ้นกว่าปกติและมีกล้องที่มีความสามารถ ซึ่งกล้องคู่หลังจะมาช่วยทำให้การถ่ายภาพในที่แสงน้อยประสิทธิภาพมากขึ้น เท่ากับกล้องถ่ายภาพ DSLR เหตุที่คาดว่าไม่ใส่มาเพราะเทคโยโลยีการผลิตนั้นยังไม่พร้อมนั่นเอง

   แต่ที่สรุปตอนนี้แน่นอนคือ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus จะไม่มีช่องเสียบหูฟัง, มีลำโพงที่ดีขึ้น, CPU ที่ดีขึ้น และ Smart Connector ให้เช่นกัน ทั้งหมดคาดว่าจะเปิดตัว ประมาณ กันยายนนี้ ต้องลุ้นกันต่อไป




http://hitechthai news.com/1407877/

Read More...

ดัน "อู่ตะเภา" เป็นฮับนิคมอุตสาหกรรมการบิน-สนามบินเชิงพาณิชย์แห่งที่ 3 ของประเทศ









นายกฯ กล่าวในรายการคืนความสุขฯ เผยแผน 13 ปี ผลักดันนิคมอุตสาหกรรมการบินแห่งประเทศไทย ยึดหัวหาดภาคตะวันออก ดันสนามบินอู่ตะเภาเป็นท่ากาศยานพาณิชย์แห่งที่ 3 ของประเทศ

24 มิ.ย.2559 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.กล่าวในรายการคืนความสุขให้คนในชาติ ถึงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมการบินของประเทศไทย โดยเลือกปรับปรุงพัฒนาศักยภาพท่าอากาศยานอู่ตะเภา ยกระดับเป็นท่าอากาศยานเชิงพาณิชย์แห่งที่ 3 ของประเทศ นอกเหนือจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานดอนเมือง ตามที่สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร กระทรวงคมนาคม เสนอ ซึ่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ศึกษามาแล้วว่าท่าอากาศยานอู่ตะเภามีศักยภาพในการเป็นศูนย์อุตสาหกรรมอากาศยานครบวงจร ได้แก่

การเป็นพื้นที่ซ่อมบำรุงอากาศยาน ผลิตชิ้นส่วนอากาศยาน จากข้อได้เปรียบในการตั้งอยู่ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมชายฝั่งตะวันออก และการยกระดับเป็นสนามบินเชิงพาณิชย์ ตอบสนองทั้งภารกิจด้านความมั่นคงและเชิงพาณิชย์

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า แผนการดำเนินงานมี 3 ระยะ ใช้เวลา 13 ปี ประกอบไปด้วย การพัฒนาโรงซ่อมอากาศยาน โรงงาน โรงซ่อมเครื่องยนต์ และการเพิ่มศักยภาพในการรองรับผู้โดยสารเป็น 3 ล้านคนต่อปีภายในปี 2561 และ 5 ล้านคนต่อปี ภายในปี 2563 เป็นต้น ทั้งนี้การดำเนินการในแต่ละขั้นจะต้องเป็นไปตามมาตรฐานสากลขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศหรือ ICAO

"เพื่อให้รองรับโดยการใช้งานสนามบินที่มีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง อุตสาหกรรมการบิน ทั้งในประเทศและในภูมิภาคที่มีแนวโน้มขยายตัวขึ้นทุกวัน อีกทั้งจะเป็นโอกาสที่ประเทศไทยจะได้แสดงถึงศักยภาพ ความพร้อมต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาการท่องเที่ยวฝั่งทะเลตะวันออก โดยบูรณาการพัฒนาการท่องเที่ยวหาดทรายชายทะเลสู่การท่องเที่ยวสีเขียว เชื่อมโยงกันไปยังประเทศเพื่อนบ้าน" นายกรัฐมนตรี กล่าว

นอกจากนี้ ยังต้องมีการพัฒนาระบบรถไฟทางคู่และรถไฟฟ้าความเร็วปานกลาง-ความเร็วสูง ให้รองรับการสัญจรของประชาชน นักท่องเที่ยวและสินค้าในอนาคต พัฒนาหลักสูตรและศูนย์การฝึกอบรมเพื่อรองรับอุตสาหกรรมอากาศยาน ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวอีกว่า ได้สั่งการให้ศึกษาเส้นทางของแอร์พอร์เรลลิงก์ ให้เชื่อมต่อได้ทั้งสนามสุวรรณภูมิ ดอนเมือง และอู่ตะเภา เพื่อให้การเคลื่อนย้ายสัญจรเป็นไปอย่างสะดวก ทั้งการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติและชาวไทย



http://mecro finanacom/394783/

Read More...

วิธีกำจัดเหาแบบได้ผล...โดยที่แพทย์ไม่ได้บอกคุณ








วิธีกำจัดเหาแบบได้ผล...โดยที่แพทย์ไม่ได้บอกคุณ

เหาเป็นฝันร้ายที่สุดของผู้ปกครองทุกคน พวกเขากลัวว่าเด็กของพวกเขาจะติดเหามาจากโรงเรียน เมื่อเด็กกลับบ้านมามักจะบ่นว่าคันหัว พวกเขารู้ว่ามันน่ารำคาญและยากที่จะกำจัด


เหา เป็นแมลงมีปีกมีขนาดเล็กกินเลือดมนุษย์และยังแพร่กระจายได้ง่ายอีกด้วย ปกติแล้วเด็กๆในโรงเรียนมักจะเป็นเหากันง่าย

แต่เมื่อโตขึ้นมันก็จะหายไปเอง ถึงแม้ว่าเหาจะไม่เป็นอันตราย แต่พวกมันทำให้เกิดอาการคันสร้างความรำคาญอย่างมากและทำให้หนังศีรษะอักเสบ หากพวกมันไม่ถูกกำจัดออกไปพวก

มันจะแพร่กระจายอย่างรวดเร็วและยังนำไปสู่การติดเชื้อได้

คุณสามารถหาแชมพูหรือผลิตภัณฑ์กำจัดเหาได้ในท้องตลาด แต่มีราคาค่อนข้างแพง นอกจากนั้นยังมีหวีสาง ซึ่งสามารถกำจัดเหาออกได้บ้าง หากคุณพยายามทุก

เคล็ดลับในหนังสือแล้ว แต่คุณก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ คุณไม่ต้องกังวลเราอยู่ที่นี่เพื่อช่วยคุณ ด้วยวิธีการรักษาต่อไปนี้ ซึ่งพิสูจน์แล้วว่ามี

ประสิทธิภาพมากกับการกำจัดเหา และถ้าลูกของคุณมีเหา แน่นอนควรจะกำจัดมันออกไป

นี่คือสิ่งที่คุณต้องเตรียม

น้ำยาบ้วนปากลิสเตอรีน (คุณสามารถใช้แบรนด์อื่นได้)
หวีสางเหา
น้ำส้มสายชู
ผ้าขนหนูสองผืน
หมวกคลุมอาบน้ำหรือถุงพลาสติก









http://www.thailand news 2016/06/blog-post_349.html





Read More...

แพทย์ทึ่ง! สูตรฟื้นฟูกระดูกเข่าและข้อให้กลับมาแข็งแรง แบบชาวกรีกโบราณ


















แพทย์ทึ่ง! สูตรฟื้นฟูกระดูกเข่าและข้อให้กลับมาแข็งแรง แบบชาวกรีกโบราณ

สูตรที่น่าทึ่งเรียกคืนความแข็งแรงของกระดูกหัวเข่าและข้อ และช่วยบรรเทาอาการปวดอื่น ๆ สำหรับพวกเขา


ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ บอกว่า สาเหตุสำคัญของอาการปวดหลัง ขาและข้อ คือการใช้ท่วงท่าที่ไม่เหมาะสม ขั้นแรกแนะนำให้แก้ไขท่วงท่าให้ถูกต้องก่อน อย่างน้อยมันก็ไม่ใช่เรื่องยาก

ข่าวดี เรามีสูตรโฮมเมดง่ายๆ จากชาวกรีกโบราณ ที่จะช่วยสร้างความแข็งแรงและฟื้นฟูกระดูกของคุณ ยังช่วยบรรเทาอาการปวดได้อีกด้วย

สิ่งที่คุณต้องเตรียมสำหรับสูตรที่ทึ่งนี้

เมล็ดแฟลคซ์ 10 ช้อนโต๊ะ

เมล็ดงาบด 5 ช้อนโต๊ะ

เมล็ดฟักทอง 50 กรัม (1.75 ออนซ์)

เมล็ดทานตะวัน 50 กรัม (1.75 ออนซ์)

เมล็ดข้าวสาลี 50 กรัม (1.75 ออนซ์)

ลูกเกด 3 ช้อนโต๊ะ

น้ำผึ้งดอกไม้ป่า 1 กิโลกรัม (2.2 ปอนด์)

นำส่วนผสมทั้งหมดใส่ลงในชามขนาดใหญ่และผสมให้เข้ากันดี. เมื่อทุกอย่างผสมกันดีแล้วเทส่วนผสมลงในขวดแก้ว

ใช้ทาน 1 ช้อนโต๊ะ ก่อนอาหารเช้า และ ก่อนอาหารกลางวัน

ขณะที่ใช้วิธีรักษานี้ กล้ามเนื้อหัวใจและข้อต่อของคุณจะแข็งแรงขึ้น อัตราการเผาผลาญอาหารจะเร็วขึ้น คุณจะได้รับการป้องกันจากโรคข้อเข่าเสื่อม และ โรคกระดูก
พรุน เส้นเอ็นจะถูกสร้างขึ้นใหม่ให้มีความยืดหยุ่นและแข็งแรงขึ้น






http://www.share-si.com/


Read More...

เรื่องจริงที่หมอไม่เคยบอก...มะเร็งแพ้อะไร อยากเอาชนะมะเร็งได้ต้องอ่าน!










รื่องจริงที่หมอไม่เคยบอก...มะเร็งแพ้อะไร อยากเอาชนะมะเร็งได้ต้องอ่าน!

ใครๆก็ไม่อยากเป็นมะเร็ง แต่ถ้าเกิดเป็นไปแล้ว หลายคนก็จำเป็นต้องเลือกวิธีการรักษาด้วยวิธีที่เรียกว่า “คีโม” ซึ่งพวกเรารู้ดีว่าคีโมสามารถฆ่าเชื้อมะเร็งได้เป็นอย่างดี แต่ก็ต้องแลกมากับการเสียบางสิ่งบางอย่างในร่างกายไปด้วย วันนี้มาเรียนรู้ข้อมูลเกี่ยวกับโรคมะเร็งจาก รพ.จอห์น ฮอพกินส์ เรื่องจริงที่หมอไม่เคยบอกเราดีกว่า ว่าคีโมน่ากลัวมากแค่ไหน!


1. ทุกๆคนมีเซลล์มะเร็งในร่างกาย 

แต่เซลล์มะเร็งเหล่านี้จะไม่ปรากฎหรือตรวจสอบไม่ได้จนกระทั่งมันขยายตัวเพิ่มขึ้นในระดับพันล้านเซลล์ ซึ่งเซลล์มะเร็งอาจจะเกิดขึ้น 6-10 ครั้งในช่วงอายุของคนๆหนึ่ง แต่เมื่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายของเราแข็งแรงมากเพียงพอ เซลล์มะเร็งเหล่านั้นก็จะถูกทำลายหรือฝ่อไป และไม่มีการขยายตัวและกลายเป็นเนื้องอกต่อไป 

2. มะเร็งคือความบกพร่องทางโภชนาการ 

การเป็นมะเร็งสื่อได้ว่าคนๆนั้นมีความบกพร่องหลายประการเกี่ยวกับโภชนาการ ซึ่งอาจเกิดจากยีนสิ่งแวดล้อม อาหาร และปัจจัยอื่นๆในการดำรงชีวิต 

ซึ่งการจะเอาชนะภาวะบกพร่องทั้งหลายเกี่ยวกับโภชนาการได้ ก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงประเภทของอาหารที่รับประทาน เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารบางอย่างที่จะช่วยเสริมให้ภูมิคุ้มกันแข็งแรงขึ้นได้ 

3. คีโมเป็นพิษกับทั้งเซลล์ดีและเซลล์ไม่ดี 

การทำคีโม คือ การให้สารเคมีที่มีความเป็นพิษกับเซลล์มะเร็งที่กำลังเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ขณะเดียวกัน มันก็จะทำลายเซลล์ดีที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น เซลล์ในไขกระดูก ระบบทางเดินอาหาร เป็นต้น ซึ่งล้วนแต่เป็นสาเหตุที่ทำให้อวัยวะบางส่วนถูกทำลายไป เช่น ตับ ไต หัวใจ ปอด เป็นต้น 

4. มะเร็งแพ้คีโม แต่ยิ่งทำนานยิ่งเป็นโทษ 

การบำบัดโดยคีโม และการฉายรังสีมักจะช่วยลดขนาดของเนื้องอกได้ในช่วงแรกๆ อย่างไรก็ตาม ถ้าทำไปนานๆจนถึงจุดหนึ่ง มักจะไม่พบว่ามีผลต่อการทำลายเซลล์เนื้องอกแต่อย่างใด 

ซึ่งเมื่อร่างกายได้รับสารพิษจากการทำคีโม หรือการฉายรังสีมากเกินไป ระบบภูมิคุ้มกันอาจถูกทำลายลงได้ ดังนั้น จึงมักพบว่าผู้ป่วยอาจตกอยู่ในอันตรายจากการติดเชื้อหลายชนิด และยังทำให้โรคมีความซับ ซ้อนมากยิ่งขึ้นด้วย 

5. มะเร็งแพ้ออกซิเจน 

เซลล์มะเร็งไม่สามารถเจริญเติบโตได้ในสภาวะที่มีออกซิเจนเป็นจำนวนมาก ดังนั้น การออกกำลังกายทุกวันและการหายใจลึกๆจะช่วยให้ร่างกายได้รับออกซิเจนเพิ่มขึ้นจนลงไปถึงระดับเซลล์ และเป็นวิธีการบำบัดที่ใช้ในการทำลายเซลล์มะเร็งได้เป็นอย่างดี 

6. มะเร็งแพ้อาหารแบบไหน 

วิธีที่ดีที่สุดในการกำจัดมะเร็ง คือ การไม่ให้เซลล์มะเร็งได้รับอาหารเพื่อเจริญเติบโต โดยอาหารที่มีผลต่อการโตของเนื้อร้าย ได้แก่ 

1. น้ำตาล 

อาหารโปรดของเซลล์มะเร็ง ก็คือ “น้ำตาล” การตัดอาหารของมะเร็งประเภทนี้ได้จึงนับเป็นเรื่องที่ดี ไม่ว่าจะเป็นน้ำตาลทราย หรือสารทดแทนน้ำตาลอย่าง นิวตร้าสวีต อีควล สปูนฟูล เป็นต้น 

2. เกลือสำเร็จรูป 

เกลือเหล่านี้ล้วนใช้สารเคมีในการฟอกขาว จึงควรเลือกบริโภค แบรก อมิโน หรือ เกลือทะเลแทน 

3. นม 

นมเป็นสาเหตุทำให้ร่างกายผลิตเมือก โดยเฉพาะในระบบทางเดินอาหาร ซึ่งเซลล์มะเร็งจะรับอาหารได้ดีในสภาวะที่มีเมือก ดังนั้น จึงควรดื่มเป็นนมถั่วเหลืองชนิดไม่หวาน เพราะจะทำให้เซลล์มะเร็งไม่ได้รับอาหาร 

4. เลี่ยงเนื้อสัตว์บางชนิด 

เซลล์มะเร็งเติบโตได้ดีในสภาวะที่เป็นกรด ซึ่งการรับประทานอาหารจำพวกเนื้อจะสร้างสภาวะกรดให้เกิดขึ้นในร่างกาย อีกทั้ง โปรตีนจากเนื้อจะย่อยยากและต้องการเอ็นไซม์หลายชนิดมาช่วยในการย่อย หรืออาจจะทำให้เกิดการบูดเน่าและมีความเป็นพิษมากขึ้นได้ ดังนั้น จึงควรหันไปรับประทาน ‘ปลา’ จะดีที่สุด รองลงมา คือ เนื้อไก่ ส่วนในเนื้อวัวและเนื้อหมู อาจมียาฆ่าเชื้อหรือฮอร์โมนที่สร้างการเจริญเติบโตในสัตว์และเชื้อปรสิตได้ 

5. เน้นกินผัก 

ในทางตรงกันข้าม ต้องพยายามเสริมสภาวะด่างในร่างกาย โดยการทานอาหารประเภทผักสด น้ำผักผลไม้ พืชจำพวกหัว เมล็ดถั่วเปลือกแข็ง และผลไม้ 

6. หลีกเลี่ยงกาแฟ ชา และช๊อกโกแลต 

เนื่องจากอาหารพวกนี้มีคาเฟอีนสูง หากต้องการดื่มชาให้เน้นเป็นชาเขียว เนื่องจากชาเขียวมีคุณสมบัติในการต้านมะเร็งได้ ส่วนการเลือกดื่มน้ำให้ดื่มน้ำบริสุทธิ์หรือน้ำที่ผ่านการกรอง เพื่อหลีกเลี่ยงท๊อกซินและโลหะหนักในน้ำประปา 

7. มะเร็งแพ้สารเสริมอาหารที่มีประโยชน์ 

สารอาหารบางอย่างจะช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน เพื่อช่วยให้เซลล์ของร่างกายสามารถกำจัดเซลล์มะเร็งได้ดีขึ้นได้โดยสารอาหารที่มีประโยชน์ เช่น วิตามินอี ทำให้การตายของเซลล์ซึ่งไม่เป็นที่ต้องการหรือไม่มีประโยชน์หมดออกไป เป็นต้น 

8. มะเร็งแพ้จิตใจที่เข้มแข็ง 

มะเร็งเป็นโรคที่สัมพันธ์กับจิตใจ การคิดในเชิงบวกจะช่วยให้เราสามารถอยู่รอดปลอดภัยจากมะเร็งได้ ดังนั้น หากสามารถระงับความโกรธ รู้จักให้อภัย และกดความขมขื่นใจได้ ก็จะทำให้ร่างกายไม่ตึงเครียด ผ่อนคลาย และมีความสุขกับชีวิตได้มากขึ้น 

9. เลือกวิธีรักษาผิดเสี่ยงตายได้ง่ายๆ 

การทำคีโมและการฉายรังสีอาจเป็นสาเหตุทำให้เซลล์มะเร็งกลายพันธุ์ ดื้อยา และยากต่อการทำลาย ส่วนการผ่าตัดก็อาจเป็นสาเหตุทำให้เซลล์มะเร็งกระจายไปทั่วร่างกายได้ 

จะเห็นได้ว่า การเป็นมะเร็งสามารถหายได้หากได้รับการรักษาหรือดูแลที่ถูกวิธี และจะต้องคอยสังเกตการเปลี่ยนแปลงของตัวเองอยู่เสมอด้วย…เพียงเท่านี้มะเร็งก็ไม่น่ากลัวแล้วละค่ะ 








Read More...

เคล็ดลับนึ่งปลาให้อร่อย ไม่เหม็นคาว ใช้ได้กับปลาทุกชนิด








คล็ดลับนึ่งปลาให้อร่อย ไม่เหม็นคาว ใช้ได้กับปลาทุกชนิด

ปลา เป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโปรตีนสูง เป็นโปรตีนที่ย่อยง่าย และเหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของทารก เด็ก ผู้สูงอายุ รวมถึงผู้ป่วยที่ระบบการย่อยอาหารทำงานได้ไม่เต็มที่ ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะเนื้อปลามีเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่น้อยกว่าเนื้อสัตว์ชนิดอื่นๆ เมื่อเนื้อปลาสุกมันจะแยกออกเป็นชิ้นๆตามมัดของกล้ามเนื้อเกี่ยวพัน ทำให้เนื้อปลานุ่ม และไม่เหนียวเหมือนเนื้อสัตว์อื่นๆ


ซึ่งวิธีการรับประทานเนื้อปลาให้มีประโยชน์ต่อร่างกายมากที่สุด ก็คือ “การนึ่ง” เพราะคุณจะได้สารอาหารจากเนื้อปลาล้วนๆ ไม่มีน้ำมัน หรือสารอื่นๆที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ทั้งนี้ทั้งนั้น บางคนก็ไม่ชอบรับประทานปลานึ่งด้วยเหตุผลเพราะไม่ชอบที่มัน “เหม็นคาว” และเลือกที่จะหันไปรับประทานปลาทอดที่กรอบอร่อยมากกว่า 

แต่วันนี้เราอยากจะเชิญชวนให้คุณหันมาทานปลานึ่งกันให้มากขึ้น เพราะเรามีสูตรการนึ่งปลาไม่ให้เหม็นคาวมาฝาก วิธีการเป็นอย่างไรตามมาดูกันได้เลย 

เคล็ดลับการนึ่งปลาไม่ให้คาว

1. เลือกของสด
ปลาที่จะนำมานึ่งควรจะต้องเป็นเนื้อปลาที่สดใหม่ และผ่านการล้างทำความสะอาดอย่างดี โดยวิธีดูว่าเนื้อปลาสดหรือไม่ให้ดูที่ 
– ตาปลา เปิดโตเต็มที่ ใส ไม่ลึกโบ๋หรือขุ่นเป็นสีเทา
– เกล็ด สีสดใสเป็นมันเงา แบนราบเสมอกัน ไม่แห้งหรือหลุดลอก
– หนัง ควรจะมีเมือกปลาคลุมอยู่ทั่วทั้งตัว และชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลา
– เหงือก ต้องมีสีแดงสด ไม่เขียวคล้ำ ครีบปิดสนิท
– เนื้อปลาไม่แข็งทื่อ เมื่อกดจะยืดหยุ่น มีสปริงเด้งกลับ ไม่บุ๋มตามรอยนิ้วมือ

2. ทาเนื้อปลาด้วยน้ำมะนาวและเกลือก่อนนึ่ง
การทาเนื้อปลาด้วยน้ำมะนาวและเกลือก่อนนำไปนึ่ง จะช่วยกำจัดกลิ่นคาวปลาได้เป็นอย่างดี หรือหากไม่สะดวกใช้น้ำมะนาว จะใช้เป็นน้ำส้มสายชูแทนก็ได้ นอกจากนี้ น้ำมะนาวหรือน้ำส้มสายชูที่ผสมรวมกับเกลือ จะช่วยรัดให้เนื้อปลาคงรูป ไม่แตก ไม่เละง่ายๆ ซึ่งมีผลให้เนื้อปลานึ่งน่ารับประทานมากยิ่งขึ้นด้วย

3. ต้องแน่ใจว่าน้ำเดือดจัด
ก่อนจะใส่ปลาลงไปนึ่ง จำเป็นต้องต้มน้ำให้เดือดจัดๆเสียก่อน และขณะนึ่งก็ต้องใช้ไฟแรงให้น้ำเดือดจัดเช่นกัน เนื่องจากการใช้ไอน้ำที่ร้อนจากน้ำเดือดจะช่วยกำจัดกลิ่นคาวไม่ให้หลงเหลือในเนื้อปลาได้ และในระหว่างนึ่งก็ควรเปิดฝาหม้อให้ไอน้ำออกบ่อยๆ เพราะไอน้ำจะพากลิ่นคาวของปลาออกไปได้ 

4. ใช้สมุนไพรช่วย
สมุนไพรไทยบางชนิดสามารถช่วยดับกลิ่นคาวของปลาได้ โดยสมุนไพรที่แนะนำ ก็คือ ตะไคร้และหอมแดง ลองใส่สองสิ่งนี้ลงไปขณะนึ่งปลา สมุนไพรจะช่วยดับกลิ่นคาวปลาได้เป็นอย่างดี 

หลังจากที่ทราบวิธีการนึ่งปลาไม่ให้คาวกันไปแล้วขอแถมเมนูอร่อยๆ อย่างเมนู “ปลากระพงนึ่งซีอิ้ว” กันสักหน่อย วิธีทำก็ไม่ยากดังต่อไปนี้ค่ะ 

ส่วนประกอบ
1. ปลากระพง 1 ตัว
2. ซีอิ้วขาว 3 ช้อนโต๊ะ
3. น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
4. น้ำมันงา 1 ช้อนโต๊ะ
5. เหล้าจีน 1 ช้อนโต๊ะ
6. ขิงซอย 100 กรัม
7. ต้นหอมหั่นท่อน 3 ต้น
8. พริกชี้ฟ้าแดงหั่นแฉลบ 1 เม็ด

วิธีทำปลากระพงนึ่งซีอิ้ว
1. นำปลามาล้างทำความสะอาด ขอดเกล็ดควักไส้ออกให้เรียบร้อย แล้วบั้งปลาทั้ง 2 ด้าน ใส่จานหรือถาดสำหรับนึ่งพักไว้ก่อน 
2. ผสมซีอิ้วขาว, น้ำตาลทราย, น้ำมันงา, เหล้าจีน ให้เข้ากัน 
3. นำส่วนผสมที่ได้ราดไปบนตัวปลา 
4. เตรียมขิงซอย, ต้นหอมหั่นท่อน, พริกชี้ฟ้าแดงหั่นแฉลบ โรยบนตัวปลาอีกที 
5. ตั้งไฟให้เดือดจัดก่อน จากนั้นจึงใส่ปลาลงไปในหม้อนึ่ง อย่าลืมใส่ตะไคร้ทุบและหอมแดงลงไปด้วย 
6. นึ่งปลาโดยใช้ไฟแรงประมาณ 30 นาทีจนปลาสุก 

นอกจากปลากระพง สามารถใช้ปลาอื่นๆ แทนก็ได้ ไม่ว่าจะเป็น ปลาเก๋า ปลาทับทิม หรือปลาอะไรก็ได้ทั้งนั้น ถ้าๆได้สูตรนี้ไปล้ว รับรองว่าอร่อยเด็ด ไม่เหม็นคาวแน่ๆ

ที่มา - http://www.thaijobsgov.com/jobs=




http://www.share-si.com/2016/06/blog-post_216.html
Read More...

‘Okinawa kinjo’ อร่อยเหมือนทานอยู่ที่'โอกินาว่า'








‘Okinawa kinjo’ อร่อยเหมือนทานอยู่ที่'โอกินาว่า'

การทานอาหารญี่ปุ่นอร่อยๆ เขาบอกกันว่าต้องไปทานถึงที่เท่านั้นถึงจะได้รสชาติอร่อยดั้งเดิมแท้ๆ แต่ในยุคที่ภาวะเศรษฐกิจมีปัญหาอย่างนี้ การออกไปต่างประเทศก็เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากเย็น บางครั้งอาหารญี่ปุ่นอร่อยๆก็ไม่ต้องถึงแดนต้นตำรับ เพราะเมืองไทยก็มีให้ทานเช่นกัน

‘Okinawa kinjo’ ร้านอาหารญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในสุขุมวิท 69 ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าพระโขนง เป็นตึกแถว 3 ชั้น บรรยากาศของร้านนั้นตกแต่งแบบเรียบง่าย ดูสบายๆเหมือนทานในร้านของประเทศญี่ปุ่น ร้านนั้น






/http://travel4676rycom/1399427/








Read More...

เปิดมานาน ! 5 ร้านอร่อย ตลาดพลู





ราคา : 100+ บาท

โทร : 02-466-9170, 02-466-9037

เวลาเปิดร้าน : 10:00 - 14:00, 16:00 - 21:30 (เสาร์,อาทิตย์และนักขัตฤกษ์ 10:00 - 21:30)

Fanpage : หมี่กรอบจีนหลี ร.5

3.สุณี  ข้าวหมูแดงตลาดพลู

อายุร้านมากกว่า60ปี
k

http://travel.sanook.com/1399415/
Read More...

รวมร้าน “ปูไข่” อร่อยลืมอิ่ม ที่คุณต้องลอง!











นนี้พวกเราทีมงาน Paapaii.com ขอสนองความต้องการของตัวเองด้วยการนำเสนอ สกู๊ปพิเศษ ที่รวบรวมรายชื่อร้านอาหารที่มีจุดขายตรง “ปูไข่” มาแนะนำกัน

อย่างที่เรารู้กันดีครับว่า คลองโคน สมุทรสงคราม เป็นแหล่งรวบรวมร้านปูไข่ที่ขึ้นชื่อมากที่สุดของเมืองไทย  หลายๆ คนคงรู้จักคลองโคนกันแล้วจากรูปปูไข่ที่แพร่หลายในโลกโซเชียล ที่นี่มีร้านดังๆ ตั้งเรียงรายอยู่มากมายเลยครับ ยิ่งได้เห็นภาพที่ใครๆ ก็พาเหรดกันโพส ยิ่งทำให้อยากไปโดนสักครั้ง

แม้ใครจะบอกว่าปูไข่ที่ไหนก็มีกิน แต่ผมว่าความฟินคงไม่เท่าได้กินที่คลองโคนแล้วเช็คอินขึ้น Facebook แน่นอน!!

มาดูกันครับ วันนี้ผมจะพาไปทำความรู้จักร้านไหนกันบ้างครับ?

1. ร้านถาวร ซีฟูดส์ & โฮมสเตย์ คลองโคน สมุทรสงคราม

สำหรับร้านแรกที่มีชื่อว่า “ร้านถาวร ซีฟูดส์ & โฮมสเตย์” เป็นอีกหนึ่งร้านดังแห่งคลองโคน ใครอยากหาร้านอาหารอร่อยๆ กินในช่วงวันหยุดก็แวะมาที่ร้านนี้ได้ แนะนำว่าควรโทร.ไปจองล่วงหน้า เพราะเดี๋ยวไปแล้วไม่มีโต๊ะต้องรอคิวนาน

ปูไข่

ร้าน ถาวร ซีฟูดส์ & โฮมสเตย์ คลองโคน สมุทรสงคราม

ปูไข่

ร้าน ถาวร ซีฟูดส์ & โฮมสเตย์ คลองโคน สมุทรสงคราม

ร้าน ถาวร ซีฟูดส์ & โฮมสเตย์ คลองโคน สมุทรสงคราม

ร้านถาวร ซีฟูดส์ & โฮมสเตย์ เป็นทั้งร้านอาหารและเปิดโฮมสเตย์ให้เช่า ในส่วนของร้านอาหารนั้นเป็นร้านตั้งอยู่ริมน้ำ ภายในร้านมีเนื้อที่ค่อนข้างกว้าง นั่งสบาย อาหารก็อาหารอร่อย วิวสวย บรรยากาศเลิศ เจ้าของน่ารัก

ปูไข่

ร้าน ถาวร ซีฟูดส์ & โฮมสเตย์ คลองโคน สมุทรสงคราม

นอกจากเมนู ปูไข่เน้นๆ เนื้อแน่น ซึ่งเป็นไฮไลท์ของร้านแล้ว ที่นี่ยังมีเมนูอาหารทะเลอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น กรรเชียงนมสด, กั้งไข่, หลนปูไข่  และอาหารทะเลอื่นๆ ไว้ค่อยบริการมากมาย ทุกอย่างรับรองความสด และความอร่อยและราคาไม่แพงอีกด้วย

เวลาเปิด-ปิด: 10.00-22.00

โทรศัพท์: 081 995 0522

FB:  ถาวร ซีฟูดส์ & โฮมสเตย์ คลองโคน สมุทรสงคราม

2. ร้านลุงเก้ง ซีฟู้ด คลองโคน สมุทรสงคราม

มาต่อกันที่อีกร้านครับร้านอาหารเก่าแก่ของคลองโคน “ลุงเก้ง ซีฟู้ดส์” ร้านอาหารทะเลที่ตั้งอยู่ริมคลองโคน ที่ร้านมีมุมริมน้ำให้ได้เลือกนั่งมากมาย ทานของอร่อยไปพร้อมชมวิวสวยๆ พร้อมบรรยากาศรอบๆ ไป สำหรับที่นี่ถือว่าค่อนข้างชิลล์ไม่แพ้ร้านไหน

ตัวร้านเป็นร้านเล็กๆไม่ใหญ่มาก หากใครกลัวจะเดินทางไปร้านไม่ถูก ก็จำง่ายๆ ว่าร้านตั้งอยู่ ใกล้ๆ กับวัดคลองโคน

ร้านลุงเก้ง ซีฟู้ด คลองโคน

ร้านลุงเก้ง ซีฟู้ด คลองโคน สมุทรสงคราม

สำหรับอาหารที่หากใครมาก็ต้องสั่งมาลองคงหนีไม่พ้น ปูไข่ มาคลองโคนก็ต้องโดนปูไข่ อาหารทะเลทุกอย่างของที่ร้านสด ขนาดคัดมาอย่างดีเพราะฉนั้นรับรองว่าใหญ่แน่นอน

ส่วนเมนูแนะนำอื่นๆ ที่อยากให้ได้ลองทานกันก็มี แกงส้มปูไข่หน่อไม้ดองใส่ใบชะคราม ผักพื้นบ้านที่ขึ้นที่คลองโคน

ปูไข่

ร้านลุงเก้ง ซีฟู้ด คลองโคน สมุทรสงคราม

ใครชอบกินอาหารทะเลสดถูกอร่อยแน่ะนำร้านนี้เลย

เวลาเปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา  09.00 – 22.00 น.

โทรศัพท์: 0861788296

FB: ร้านลุงเก้ง ซีฟู้ด คลองโคน สมุทรสงคราม



3.  ครัวผู้ใหญ่จอย อาหารทะเล คลองโคนแม่กลอง

ครัวผู้ใหญ่จอย ร้านอาหารทะเลเจ้าอร่อยและขึ้นชื่ออีกร้านอีกร้านนึงในคลองโคน ตัวร้านอยู่เลยวัดไประมาณ 50 เมตร ร้านอยู่ด้านซ้ายมือ จะเห็นตัวร้านอาหารอยู่กลางน้ำ บรรยากาศดีมากมีลมพัดผ่านตลอดเวลา นั่งทานสบายไม่ต้องเร่งรีบ(กินลมชมวิวกันไป)

ปูไข่

ครัวผู้ใหญ่จอย อาหารทะเล คลองโคนแม่กลอง

ครัวผู้ใหญ่จอย อาหารทะเล คลองโคนแม่กลอง

ครัวผู้ใหญ่จอย อาหารทะเล คลองโคนแม่กลอง

นอกจากปูทะเลเนื้อหรือไข่ที่ทุกโต๊ะต้องสั่งมาทานกันแล้วนั้นที่ร้านยังมีอาหารแนะนำอื่นอีกหลากหลาย แต่ละอย่างล้วนอร่อยไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็นหอยแครง, ปลากระบอกต้มส้ม, ยำผักชะครามกุ้ง หมึกแดดเดียว ให้ได้เลือกมาลองกัน

ที่ร้าน ครัวผู้ใหญ่จอย นั้นเน้นคัดสรรวัตถุดิบทุกอย่างให้มีความสด สะอาดเสมอ ส่วนเรื่องราคานั้นราคาก็ไม่แพงมากหากใครกำลังอยากท่านปูไข่ ครัวผู้ใหญ่จอย เป็นอีกร้านที่อยากแนะนำ



เวลาเปิด-ปิด: 9.00-20.00 น.

โทรศัพท์: 085-1843410 ผู้ใหญ่ธีระ (จอย)

FB: ครัวผู้ใหญ่จอย



4. กบซีฟู้ด คลองโคน สมุทรสงคราม

เป็นอีกร้านชื่อดังแห่งคลองโคน “กบซีฟู้ด คลองโคน” เป็นตัวเลือกของคนที่ชอบทานปูไข่ และอาหารทะเล ตัวร้านตั้งอยู่ริมน้ำบรรยากาศชิลล์ๆ นั่งรับลมเย็นๆ

ที่นี่มีปูทะเลก้ามโตเนื้อเน้นตัวใหญ่ ไข่ทะลักสดๆ ไว้ค่อยบริการ สำหรับใครที่ต้องทานอาการทะเลอย่างอื่นทางร้านเค้าก็มีไว้บริการเช่นกันไม่ว่าจะเป็น ปลากะพงทอดน้ำปลา, ปลาสดเนื้อฟูนุ่ม ยำไข่ปู ปลาทูต้มส้ม กุ้งอบน้ำผึ้ง หอยนางรมทรงเครื่องและอื่นๆ อีกมากมาย เรียกว่าเมนูซีฟู้ดเยอะจริงๆ

เวลาเปิดปิด: ทุกวัน 10.30-20.00 น.

โทรศัพท์: 085-142-6756, 086-178-8296 (ต้องจองล่วงหน้า)

5. ร้านเกษร คลองโคลน

ร้านดังแห่งคลองโคนบรรยากาศริมน้ำชิลล์ๆ ลมพัดเย็นสบายเหมาะแก่การไม่ต้องรีบทำให้กินได้เยอะมาก 55 เมนูซีฟู้ดเยอะเลยแถมสดใหม่ น้ำจิ้มเด็ด เมนูที่ห้ามพลาด เช่น ยำไข่ปู, ปลาทูต้มส้ม, กุ้งอบน้ำผึ้ง, หอยนางรมทรงเครื่อง, ปลาหมึกผัดกะปิและปิดท้ายด้วยเมนูประจำของร้านอาหารที่นี่ ไม่ว่าร้านไหนๆ ก็ต้องมีนั้นคือ ยำใบชะครามกุ้ง  แต่เมนูเด็ดที่มาแล้วต้องสั่งนั้นคือ “ปูทะเลไข่นึ่ง”



ร้านเกษร คลองโคลน เป็นร้านอาหารบรรยากาศริมน้ำ ตรงข้ามวัดคลองโคน ที่นักชิมบอกกันปากต่อปากว่า อร่อย และราคาไม่แพง



เวลาเปิด-ปิด: ทุกวัน 10:00 – 21:00 น.

โทรศัพท์: 087-036-0556

        

เห็นหน้าตาปูไข่แต่ละร้านแล้วน้ำลายสออยากตามไปกินเลยใช่ไหมเพื่อนๆ เ บอกเลยว่าเป็นเจ้าดังและอร่อยในระดับที่ประทับใจแน่นอน



เป็นยังไงกันบ้างครับสำหรับรายชื่อร้านอาหารที่เรานำมาฝากกันในวันนนี้ เชื่อว่าหลายคนอ่านจบ แล้วได้เห็นหน้าตาของปูไข่แต่ละร้านแล้วคงน้ำลายสอ และกำลังมองหาวันหยุดเพื่อไปตามรอยทีมงาน Paapaii แน่นอน



เอาเป็นว่าหากใครชอบกินอาหารทะเลสดๆ หรือปูไข่เนื้อแน่นๆ รายชื่อร้านทั้งหมดที่เราคัดสรรมาฝากในวันนี้นั้นไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน รับรองเรื่องความสด และอร่อยทุกร้าน(ไปถึงแล้วก็เลือกเอาครับ อยากได้ร้านไหน?)



ข้อดีของอาหารทะเลแถวนี้ คือ สด และราคาไม่แพง แต่หากใครไม่ลำบากเรื่องต้องทำงาน แนะนำว่ามาวันธรรมดาจะดีกว่าวันหยุดครับ แล้วอย่าลิมหาโอกาสมาตามรอยมาสัมผัสความอร่อยกันได้นะครับ






/http://travel.sanook.com/1398989/



Read More...

แจกเมนูเพื่อสุขภาพ ลูกชิ้นแครอท ทำเองง่ายๆได้ที่ล้านอร่อยมีประโยชน์ ลองทำกันดูได้ให้








วัตถุดิบ

– แครอท
– ไข่เป็ด
– แป้งโกกิ
– ต้นหอม

วิธีการทำ

เตรียมอุปกณ์ทั้งหมดให้พร้อม แครอท และต้นหอม ล้างน้ำให้สะอาด หั่นแครอทเป็นชิ้นเล็กๆ ตามความยาวของลูกแครอท และต้นหอมหั่นซอย นำแครอทใส่ชาม และใส่เกลือ แต่งรสชาติ ลงไปผสม คนให้ทั่ว แล้วจึงนำส่วนผสมทั้งหมดใส่ลงไปทีเดียว แป้งโกกิ ต้นหอม และไข่เป็ด คนส่วนผสมให้เข้ากัน เมื่อได้ผสมที่เข้ากันแล้ว นำมาปั้นเป็นลูกพอดีคำ แล้วจึงลงทอด ให้เหลืองสุก นำขึ้นมาพักเอาไว้ แล้วจึงนำมาไม้ลูกชิ้นมาเสียบ






http://www.doodiza.com/news13892.html


Read More...

แจกสูตร "ต้มยำกุ้งเม็ดแมงลัก" อาหารสุขภาพ










เมนูเม็ดแมงลัก จะไม่ใช่แค่เครื่องดื่มหรือขนมหวานอีกต่อไป จับไปโยนใส่หม้อต้มยำกุ้งแซ่บ ๆ ตักซดร้อน ๆ อิ่มอร่อย ประโยชน์แน่นเต็มถ้วย

           เม็ดแมงลัก  ธัญพืชที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในกลุ่มคนอยากผอมกันอย่างครึกโครม ด้วยความที่กินน้อยแต่อิ่มนาน ให้พลังงานต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ใคร ๆ ก็ต้องสนใจเป็นธรรมดา แต่เชื่อว่าหลายคนเคยแต่กินเม็ดแมงลักแช่น้ำบวม ๆ แล้วนำไปทำเป็นเครื่องดื่มและของหวาน แต่วันนี้กระปุกดอทคอมจะจับมาทำอาหารคาวดูบ้างโดยการนำไปฟีเจอริ่งกับอาหารประจำชาติไทยอย่าง ต้มยำกุ้งน้ำใส กลายมาเป็นเมนูต้มยำกุ้งแมงลัก สูตรจาก  นิตยสารแม่บ้าน  แต่ว่ารสชาติจะออกมาเป็นแบบไหน จะถูกอกถูกใจคนรักสุขภาพสักแค่ไหน ต้องลองทำดู

 ส่วนผสม

          กุ้งสด 5 ตัว (ปอกเปลือกผ่าหลัง ดึงเส้นดำออก)
          เห็ดฟาง ผ่าครึ่ง 5-6 ดอก
          น้ำซุป 1 1/2 ถ้วยตวง
          ตะไคร้หั่นแฉลบ 1 ต้น
          ใบมะกรูดฉีก 1 ใบ
          ใบแมงลัก 1/2 ถ้วยตวง
          เมล็ดแมงลัก 1 ช้อนชา (ล้างแช่น้ำ 1 ช้อนโต๊ะ)
          น้ำปลา 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
          น้ำมะนาว 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
           พริกขี้หนูสวนบุบ 10-12 เม็ด

วิธีทำ

           1. ล้างเมล็ดแมงลักให้สะอาด แช่ในน้ำเปล่าเตรียมไว้

           2. ต้มน้ำซุป พอเดือด ใส่ตะไคร้ น้ำปลา เห็ดฟาง และกุ้งสดลงไป พอกุ้งสุก ใส่ใบแมงลักและใบมะกรูดตามลงไป

           3. ปรุงรสด้วยน้ำมะนาว ใส่พริกขี้หนูและเมล็ดแมงลัก ยกลง ตักใส่ถ้วย เสิร์ฟขณะร้อน ๆ

          หรือใครที่ไม่ได้ลดน้ำหนักแต่อยากจะลองลิ้มชิมรสเมนูแปลกใหม่ที่แฝงไปด้วยประโยชน์คับถ้วยอย่างต้มยำกุ้งเม็ดแมงลักถ้วยนี้ก็จัดไปเลย ไม่ว่ากัน ก็ของดี ๆ ทั้งนั้น







http://www.doo .com/news13993.html



Read More...