2,000 กว่าปีที่ผ่านมาคนโบราณในกรีซและอียิปต์ใช้คื่นฉ่ายเพื่อการรักษาโรค แต่ปัจจุบันคนมักจะมองข้ามคื่นฉ่ายแม้ว่ามันจะเป็นสมุนไพรที่มหัศจรรย์ที่สุดเช่นเดียวกับคุณประโยชน์ทางโภชนาการ
คื่นฉ่าย เป็นผักที่มีประสิทธิภาพช่วยลดความดันโลหิตสูง การสูญเสียน้ำหนักในโรคเอดส์ บรรเทาอาการปวดเกร็งของมดลูก (PMS) ป้องกันความเจ็บปวดจากโรคมะเร็ง และสามารถนำไปใช้เป็นยาไล่ยุง
ถ้าคุณกินคื่นฉ่ายทุกวันเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ คุณจะเห็นถึงประโยชน์อย่างมากต่อสุขภาพของคุณ
เหตุผลที่ว่าทำไมคื่นฉ่ายถึงมีประโยชน์ เพราะมันเป็นพืชชนิดน้ำที่เต็มไปด้วยวิตามินแร่ธาตุและสารอาหาร มันให้พลังงานที่ดีกว่าเครื่องดื่มชูกำลังที่ขายตามท้องตลาด มีวิตามิน A, C, E, K, B12 อยู่เป็นจำนวนมาก รวมถึงแคลเซียม โพแทสเซียม แมกนีเซียม สังกะสี และ เหล็ก
ซึ่งสามารถเติมเต็มพลังงานให้กับร่างกายหลังจากกิจกรรม ผักมหัศจรรย์นี้มีประโยชน์อย่างมากสำหรับคนที่ทรมานจากโรคเกาต์และโรคไขข้ออักเสบ มันสามารถเสริมสร้างเนื้อเยื่อในบริเวณที่เกิดการอักเสบ ช่วยลดการอักเสบและบวมในข้อต่อ คื่นฉ่ายสามารถนำมาใช้ในการรักษาโรคมะเร็ง เนื่องจากมีความเป็นยา มีคูมาริน( coumarin), ฟลาโวนอยด์ (flavonoid) และสารต้านอนุมูลอิสระ ทำหน้าที่เป็นตัวต่อสู้กับโรคมะเร็ง
ด้วยการศึกษากันอย่างมากมาย คูมารินช่วยลดการกลายพันธุ์ของเซลล์มะเร็งและอนุมูลอิสระที่เป็นอันตราย รวมถึงสารก่อมะเร็งที่มักจะพัฒนาเป็นมะเร็ง นอกจากนี้คื่นฉ่ายยังอุดมไปด้วยวิตามินซีซึ่งจะช่วยป้องกันร่างกายจากโรคหัวใจและหลอดเลือด, โรคหวัด
คื่นฉ่ายถือเป็น super food เพราะส่วนหนึ่งของผักมีค่าเป็นยา เช่น ราก เมล็ด ก้าน และใบของพืชชนิดนี้ยังป้องกันและรักษาโรคไมเกรน, หอบหืด, โรคเบาหวาน, โรคติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ, โรคตับ, โรคแทรกซ้อนในถุงน้ำดี, โรคอ้วน, ปัญหาจากฟัน วัณโรค ภาวะซึมเศร้า และอีกมากมาย ผักชนิดนี้อุดมไปด้วยสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อการเจริญพันธุ์และต่อมลูกหมากของผู้ชายและยังเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ
คนที่ทรมานจากอาการท้องผูกเรื้อรัง ควรบริโภคคื่นฉ่ายให้เป็นประจำเพราะมันเต็มไปด้วยไฟเบอร์ นอกจากนี้การกินคื่นฉ่ายจะช่วยให้คุณลดน้ำหนักได้และทำให้สุขภาพดีขึ้นหลังจากลดน้ำหนัก
คุณสามารถรับรู้ด้วยตัวคุณเอง เพราะผักชนิดนี้สามารถป้องกันการเกิดโรคร้ายแรง บำรุงร่างกาย และช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน
กินคื่นฉ่ายทั้งสัปดาห์และคุณจะรู้สึกถึงความแตกต่างในร่างกายของคุณ
http://www.sa sa sabbay news i.com/2016/06/blog-post_305.html