นายกฤษฎากล่าวว่า พ.ร.บ.ภาษีการรับมรดกจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2559 ซึ่งครบ 180 วันหลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษาไปเมื่อ 5 สิงหาคม 2558 ซึ่งกฎหมายลูกทั้ง 7 ฉบับมีสาระสำคัญคือ บุคคลที่ยกเว้นภาษีมรดก เพิ่มเติมจากสามีภรรยา อาทิ มรดกที่บริจาคสำหรับกิจการศาสนา กิจการศึกษา หรือกิจการสาธารณประโยชน์ ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ วัดวาอาราม สภากาชาดไทย มูลนิธิหรือสมาคมตามประกาศของกระทรวงการคลัง สถาบันอุดมศึกษาเอกชนและโรงเรียนเอกชน บุคคลหรือองค์กรระหว่างประเทศตามข้อผูกพันตามกฎหมายระหว่างประเทศ สหประชาชาติ สถานทูต สถานกงสุล บุคคลในคณะทูต คณะกงสุล
“ในส่วนของการบริจาคนั้นผู้รับมรดกต้องแจ้งให้กรมสรรพากรทราบภายใน 15 วัน และต้องรายงานการใช้ทรัพย์สินให้กรมสรรพากรทราบทุกปีเป็นเวลา 9 ปี เพื่อดูว่าเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ผู้ให้มรดกแจ้งไว้หรือไม่ ถ้าทำผิดวัตถุประสงค์ต้องเสียภาษีตามกฎหมายทันที” นายกฤษฎากล่าว
นายกฤษฎากล่าวว่า สำหรับทรัพย์สินที่ต้องเสียภาษีประกอบด้วย อสังหาริมทรัพย์ที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย หลักทรัพย์ที่ออกโดยนิติบุคคลที่จดทะเบียนในประเทศไทยหรือจัดตั้งตามกฎหมายไทย เงินฝากหรือเงินสด ที่อยู่ในสถาบันการเงิน ที่อยู่ในประเทศไทย และยานพาหนะที่จดทะเบียนในประเทศไทย ส่วนทองคำ และผลประโยชน์จากประกันชีวิตนั้นไม่อยู่ในทรัพย์สินที่ต้องเสียภาษีตามกฎหมาย พร้อมกันนี้ยังมีการกำหนดหลักเกณฑ์การหักภาระที่ถูกรอนสิทธิในการคำนวณมูลค่ามรดกที่เป็นอสังหาริมทรัพย์ที่ผู้รับมรดกยังไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ เนื่องจากอาจติดสิทธิการเช่าจากเจ้าของเดิม จะให้มีการหักลดมูลค่าสินทรัพย์ที่จะเสียภาษีตามจำนวนปีที่ยังมีผู้เช่า
นายกฤษฎากล่าวว่า ส่วนการตีมูลค่าทรัพย์สินนั้นให้ใช้ราคาตลาดในวันที่รับมรดก ซึ่งในการเสียภาษีนั้นต้องดำเนินการภายใน 150 วันนับจากวันที่รับมรดก รวมถึงในกฎหมายกำหนดให้เจ้าพนักงานที่ดิน แจ้งถึงการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมมายังกรมสรรพากรภายในวันที่ 20 และวันที่ 5 ของแต่ละเดือนอีกด้วย โดยในการเสียภาษีมรดกนั้นกำหนดให้เก็บจากการรับทรัพย์สินในส่วนที่เกิน 100 ล้านบาท หากเป็นผู้สืบสันดานเสีย 5% บุคคลอื่นเสีย 10% หากยังไม่มีเงินเสียภาษีสามารถผ่อนชำระได้ 5 ปี โดยใน 2 ปีแรกไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม แต่หากเกินกว่า 2 ปีเสียเพิ่ม 0.5%
นายกฤษฎากล่าวว่า พร้อมกันนี้ยังได้ออกกฎหมายลูกเกี่ยวกับการรับให้เป็นการโอนและรับทรัพย์สินในช่วงที่ผู้ให้มีชีวิตอยู่ ให้สอดคล้องกันด้วยในเรื่องของการบริจาค และยกเลิกการยกเว้นเงินได้การโอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์ให้แก่บุตรโดยชอบด้วยกฎหมายโดยไม่มีค่าตอบแทน บุตรโดยชอบด้วยกฎหมายที่สามารถรับทรัพย์สินแบบไม่เสียภาษีหากไม่เกิน 20 ล้านบาทต่อปีนั้นไม่รวมบุตรธรรม