ไม่ใช่เพียงแค่ "ส้ม" แต่คือ "ผลไม้ตระกูลส้ม" (Citrus) ซึ่งหมายถึงผลไม้อื่น ๆ อีกหลายชนิด เช่น มะนาว เลมอน มะกรูด ส้มโอ เกรปฟรุต ฯลฯ เผื่อเวลาน้ำชาช่วงบ่ายจะเลิกหยิบขนมปรุงแต่ง แล้วหันมาอินเลิฟกับของหวานจากธรรมชาติกันบ้าง
บำรุงผิว
ส้มเป็นผลไม้นางเอก เพราะพืชผลในครอบครัวส้มจะมีสารไฟโตนิวเทรียนต์มากมาย ที่ทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ รวมถึงสารกลุ่มฟลาวาโนนส์ สารแอนโธไชยานินส์ สารโพลีฟีนอลส์ และวิตามินซี ที่ช่วยทำให้ผิวสวยกระจ่างใสค่ะ
เสริมสร้างกระดูก
เชื่อหรือไม่ว่าน้ำส้มสามารถให้แคลเซียม และวิตามินดีแก่ร่างกายได้ดีพอ ๆ กับนม และแคลเซียมจะไปเสริมสร้างกระดูก แต่ถ้าไม่มีวิตามินดี ร่างกายจะไม่สามารถดูดซึมแคลเซียมจากอาหารได้ นอกจากนี้ น้ำส้มยังมีวิตามินซี ซึ่งจะช่วยเพิ่มกระบวนการดังกล่าวอีกด้วย แต่จำไว้ว่า กรดอะซีติกในผลไม้จำพวกนี้อาจทำลายสารเคลือบฟันได้ จึงไม่ควรแปรงฟันภายในหนึ่งชั่วโมงหลังจากดื่มน้ำผลไม้
ปกป้องหัวใจ
เปลือกของผลไม้ตระกูลส้มมีสารมหัศจรรย์อยู่มากมาย และหนึ่งในนั้นคือการ Polymethoxylated Flavones (PMFs) และสาร D-Limonene ซึ่งจะช่วยลดคอเลสเตอรอล ปรับระดับน้ำตาลในเลือด และกระตุ้นการกรองสารพิษของตับ นอกจากนี้ การศึกษายังชี้ว่า เม็ดสีในส้มเขียวหวานจะช่วยลดคอเลสเตอรอลชนิดเลว (LDL) โดยไม่ส่งผลต่อคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) แล้วก็อย่าเอ็ดไปนะคะ ความจริงแล้วเปลือกส้มอาจลดคอเลสเตอรอลได้ดีกว่ายาปฏิชีวนะบางตัว ที่ขายกันตามท้องตลาดเสียอีก
ขับง่ายถ่ายคล่อง
ตำรับจีนมักจะเสิร์ฟเปลือกส้มคู่กับอาหาร เนื้อสัตว์ เพื่อย่อยอาหารที่มีไขมันสูง บางตำราแนะนำให้เริ่มวันใหม่ด้วยน้ำเลมอน 12 ออนซ์ ผสมกับน้ำกรองแล้วที่อุณหภูมิปกติ จะช่วยชะล้างของเสียในระบบย่อยอาหารและลำไส้ได้ เพราะมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อน ๆ
ดูแลสายตา
ผลไม้ตระกูลส้มอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งจะช่วยปกป้องแก้วตาจากโรคต้อกระจก และการศึกษายังพบว่าการบริโภควิตามินอีและซีในปริมาณมาก จะช่วยป้องกันโรคต้อกระจกได้ แม้แต่ในกลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยงเป็นโรคนี้สูง
อารมณ์ดี๊-ดี
จะทานก็ได้ จะดมก็ดี เพราะส้มมีสารโฟเลต ซึ่งจะช่วยให้สมองหลั่งฮอร์โมนซีโรโทนิน อันเป็นสารแห่งความสุข กลิ่นของผลไม้ครอบครัวนี้ก็สามารถทำให้เราเบิกบานได้เช่นกัน ลองแต้มน้ำมันหอมที่สกัดจากผลไม้เหล่านี้บริเวณท้ายทอยสิคะ รับรองสดชื่นแน่นอน!